อยากรู้ไหม? ทำไมใคร ๆ ก็พูดถึง EV (Electric Vehicle)
EV (Electric Vehicle) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา [3] ข้อมูลทางสถิติศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ สถาบันยานยนต์ ระบุว่า ในปี 2563 มีการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ 36,750 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 13 [9] การรับรู้ ตระหนักถึงปัญหาโลกร้อน ปัญหาด้านมลพิษในสิ่งแวดล้อม ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น รวมถึงปัญหาฝุ่นละลองขนาดเล็ก (PM2.5) ในบรรยากาศ ที่ทุกภูมิภาคทั่วโลกกำลังเผชิญกันถ้วนหน้า ทำให้วงการอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้พัฒนาเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานทดแทนพลังงานจากฟอส์ซิล เป็นรถยนต์ทั้งในรูปแบบ ไฮบริด และ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ควบคู่ไปพร้อมกับรถยนต์ระบบสันดาป เพื่อให้ตอบโจทย์ได้ตรงตามความต้องการของกลุ่มผู้ใช้งานโดยเฉพาะด้านการพัฒนาแบตเตอรี่ที่ได้พัฒนาไปพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้ตอบสนองกับการใช้งานได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น [1]
รถยนต์ไฟฟ้า (EV) รุ่นที่สามารถเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ได้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ Plug-in Hybrid (PHEV) และ Battery Electric Vehicle (BEV) [5]
- PHEV ใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงและไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ โดยคนไทยจะคุ้นเคยกันในชื่อ รถไฮบริด (Hybrid) ซึ่งจะได้เปรียบด้านความยืดหยุ่นในด้านพลังงานทางเลือก ใช้งานได้ทั้งระบบไฟฟ้าและน้ำมัน แต่แบตเตอรี่ขนาดเล็กลง โดยระยะทางที่วิ่งได้ด้วยพลังไฟฟ้า จะขึ้นอยู่กับความจุแบตเตอรี่ ส่วนใหญ่อยู่ที่ 6–18 kW (Kilowatt) สามารถวิ่งได้ 25–80 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ส่วนเครื่องยนต์หลักที่ใช้ เป็นตัวเครื่องยนต์สันดาปภายใน ทำงานผสมผสานกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน และระบบจะเลือกทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์เองโดยอัตโนมัติ [5,11]
- BEV ใช้พลังงานไฟฟ้า 100 % ไม่ปล่อยมลพิษทางอากาศ เติมพลังงานผ่านการชาร์จไฟเท่านั้น เช่น รถเทสล่า (Tesla) Model 3 รถยนต์ไฟฟ้า BEV มีแบตเตอรี่ความจุ 60–90 kW วิ่งได้ไกลถึง 338–473 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ขั้นตอนการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้า มีจุดเริ่มต้นจากแบตเตอรี่ที่เป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง ต่อมาตัวแปลงกระแสไฟฟ้าจะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ไปเปลี่ยนเป็นไฟฟ้ากระแสสลับและส่งต่อไปยังตัวมอเตอร์เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนรถยนต์ [5,11]
ประโยชน์ของ BEV กับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
1. ด้านค่าใช้จ่ายจากการใช้งานประจำวัน BEV ใช้เพียงแค่พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน โดยชาร์จแบตเตอรี่จากการจ่ายไฟฟ้า ค่าพลังงานไฟฟ้ามีราคาถูกกว่าน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะน้ำมันมีราคาผันผวนตามตลาดโลก ส่วนค่าไฟฟ้านั้นค่อนข้างคงที่ จะเสียค่าไฟครั้งละ 90–150 บาท/การชาร์จหนึ่งครั้ง หรือประมาณ 0.60–1 บาท/กิโลเมตร เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1–3 บาท/กิโลเมตร ทำให้สามารถประหยัดค่าเชื้อเพลิงไปได้มากกว่า 2–3 เท่า [3,10]
2. ด้านการซ่อมบำรุง ในส่วนของเครื่องยนต์นั้น รถยนต์ธรรมดาแบบใช้น้ำมันจะมีความเสื่อมสภาพของเครื่องยนต์มากกว่ารถยนต์ไฟฟ้า เพราะรถยนต์ไฟฟ้ามีส่วนประกอบน้อยกว่า และไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ได้มากกว่า เมื่อเทียบกับระบบรถยนต์ทั่วไป แม้ปัจจุบันราคาแบตเตอรี่จะค่อนข้างสูง (ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 372,000–558,000 บาท/คัน) แต่โดยทั่วไปแล้วแบตเตอรี่มีความทนทานและมีอายุการใช้งานสูง เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6–8 ปี ไม่ได้รับความเสียหายโดยง่าย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ “ระยะเวลา” และ “ระยะทาง” รวมถึงการรับประกันอายุแบตเตอรี่ของบริษัทผู้จัดจำหน่ายด้วย [3,10]
3. ด้านสิ่งแวดล้อม สำหรับรถ BEV เป็นยานยนต์ที่ไม่ปลดปล่อยมลพิษจากปลายท่อ เนื่องจากเป็นยานยนต์ที่ไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายใน จึงช่วยลดปัญหาด้านควันจากท่อไอเสีย รวมถึงลดปัญหาฝุ่นละลองขนาดเล็ก (PM2.5) ในบรรยากาศได้มากถึงร้อยละ 87 ในปี ค.ศ. 2050 เมื่อเทียบกับกรณีที่ดำเนินการโดยทั่วไป หรือ BAU [4, 10]
4. ด้านการทำงานและระบบเครื่องยนต์ของรถยนต์ไฟฟ้าเงียบกว่ารถยนต์ทั่วไป และใช้อัตราเร่งได้เร็วกว่ารถยนต์ทั่วไป เนื่องจากไม่มีขั้นตอนการทดเกียร์ [6]
ข้อพิจารณาเพิ่มเติมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
การพิจารณาเลือกซื้อรถของแต่ละบุคคลย่อมมีความต้องการที่แตกต่างกันในด้านการใช้งาน การเลือกประเภทรถที่เหมาะสมกับผู้ใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญ สิ่งที่ควรพิจารณาเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจเลือกรถยนต์ไฟฟ้า ได้แก่
1. ราคาและความคุ้มทุน รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยในปัจจุบัน (พ.ศ. 2565) ยังมีราคาที่สูงกว่ารถยนต์ระบบเครื่องยนต์สันดาป ในทางกลับกันค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างการใช้งาน ได้แก่ ค่าพลังงานน้ำมันที่มีราคาเพิ่มขึ้นตามความต้องการการใช้งาน ค่าซ่อมบำรุงที่มีแนวโน้มสูงขึ้น เมื่อเทียบกับราคาแบตเตอรี่ และค่าไฟฟ้าในการชาร์จ ตลอดอายุการใช้งาน เป็นต้น [3]
2. ระบบการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายในบ้าน มีปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง ได้แก่ ขนาดมิเตอร์ เต้ารับ และพื้นที่สำหรับชาร์จไฟในบ้านที่ควรมีมาตรฐานความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าสำหรับ EV [8] ตามข้อแนะนำจากการไฟฟ้านครหลวง เพื่อลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
3. การเดินทางกับขนาดแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งาน เนื่องจากสถานีชาร์จในประเทศไทยในขณะนี้ยังมีไม่มาก รวมถึงสถานีชาร์จที่มีอาจไม่ได้อยู่ในเส้นทางที่ต้องการ การวางแผนก่อนเดินทางจึงมีความสำคัญ ต้องจัดสรรเวลาสำหรับเดินทางไปยังสถานีชาร์จ ระยะเวลาในการชาร์จ และควรติดตั้ง Application มือถือ ที่ใช้สำหรับหาสถานีชาร์จ เช่น MEA EV, Plug Share, EA Anywhere เป็นต้น [11]
4. ประกันและการบำรุงรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งระยะปีในการประกันแบตเตอรี่เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาค่อนข้างสูง รวมถึงการบริการหลังการขายจากผู้จัดจำหน่าย
5. ด้านความปลอดภัยจากการกู้ภัยหากประสบอุบัติเหตุ กรณีตัวอย่างจากประเทศเนเธอร์แลนด์ กับเหตุการณ์รถยนต์ไฟฟ้าชนต้นไม้ จากอุบัติเหตุดังกล่าวทำให้แบตเตอรี่ของรถยนต์ได้รับความเสียหาย และบางส่วนลุกติดไฟในขณะที่แบตเตอรี่ยังคงติดอยู่ในตัวรถยนต์ ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงไม่สามารถแน่ใจได้ว่ารถยนต์ได้เกิดกระแสไฟฟ้ารั่วหรือไม่ ดังนั้นการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุและกู้ภัยรถยนต์ไฟฟ้าจำเป็นที่ต้องได้รับการอบรมหรือความรู้ที่เฉพาะเจาะจง เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย [9]
สำหรับประเทศไทย รถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ความนิยมในการใช้งานอาจยังไม่สูงมากนัก เนื่องจากค่าใช้จ่ายของทุนตั้งต้นในการซื้อยังจัดอยู่ในระดับที่สูงกว่ารถยนต์ระบบสันดาป ยังไม่มีสถานีบริการชาร์จแบตเตอรี่ที่ครอบคลุม รวมถึงความเคยชินในการใช้งาน อาจยังไม่ตอบโจทย์กับผู้ใช้งานมากนัก ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยที่ได้ทำการศึกษาพฤติกรรมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า BEV ในสหรัฐอเมริกาพบว่า อุปสรรคบางประการในการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ ได้แก่ ด้านค่าใช้จ่าย ระยะทางการขับขี่ที่จำกัด และความไม่ต้องการลองเทคโนโลยีใหม่ [11, 2]
เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) และเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก แนวทางพัฒนาส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs สู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ นับเป็นสิ่งสำคัญ ทางคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) วางนโยบายการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าด้วยมาตรการระยะเร่งด่วนและมาตรการระยะ 1- 5 ปี อาทิ เช่น ระยะเร่งด่วนจะมุ่งส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งประเภทสองล้อ สามล้อ และสี่ล้อไฟฟ้า วางแผนจัดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า ส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานแบตเตอรี่ ส่งเสริมการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต การบริหารจัดการซากแบตเตอรี่และซากรถยนต์แบตเตอรี่ที่ใช้แล้ว โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมตามหลักตามมาตรฐานสากล พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน (EcoSystem) เพื่อส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานสะอาด [7]
นอกจากมาตรการดังกล่าวแล้วยังมีหน่วยงานที่พร้อมสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ดังเช่น ศูนย์วิจัย Mobility and Vehicle Technology Research Center หรือ MOVE มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ที่ได้ศึกษาและวิจัย การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศจากภาคขนส่งทางถนนมาโดยตลอด โดยเฉพาะการพัฒนายานยนต์สมัยใหม่สำหรับประเทศไทย ส่งเสริมให้ปรับมาตรฐานการปล่อยไอเสียให้เป็นยูโร 5 หรือ ยูโร 6 และมุ่งส่งเสริมยานยนต์ใหม่ในปี ค.ศ. 2035 ที่จะเข้าสู่ตลาดเป็นยานยนต์ไร้มลพิษ 100% สามารถลดการปล่อยมลพิษฝุ่นละออง PM2.5 จากภาคขนส่งทางถนนลง ในปี ค.ศ. 2050 ได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 87 เทียบกับกรณีที่ดำเนินการโดยทั่วไป หรือ BAU [4] ซึ่งมาตรการเหล่านี้ยังจะถูกปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่อไปในอนาคต
เรียบเรียงโดย พรทิพย์ ชัยเชิดชูวงศ์
บรรณานุกรม
1. Ceemeagain, 2563, อนาคตของโลก EV จะมาแทนการใช้รถน้ำมันแล้ว ? [Online], Available: https://soundcloud.com/ceemeagain/the-futurist-ep68?fbclid=IwAR1TlwFA5NuoHFvcwH_sxj2Rud0OPaCSO2REDbHANNkxAJd6E7Z01Z-YYMM [8 มกราคม 2565]
2. Egbue O., 2020, Electric or Internal Combustion Engine? Analysis of Electric Vehicle Drivers’ Perceptions and Experiences. Proceedings of the 2017 International Annual Conference of the American Society for Engineering Management [Online], Available: https://search.ebscohost.com/login.aspx?direct=true&db=aps&AN=148271135&site=eds-live [January 19, 2022]
3. MG X ลงทุนแมน, 2563, การเปลี่ยนถ่ายจาก รถเครื่องยนต์สันดาป สู่ EV Car ในประเทศไทย [Online], Available: https://www.longtunman.com/23675 [15 ธันวาคม 2564]
4. MOVE, 2564, มาทำความรู้จักเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่กัน พร้อมกับแนวทางแก้ไขที่ทำได้จริง ในการแก้ปัญหามลพิษ PM2.5 โดยศูนย์วิจัย MOVE มจธ. [Online], Available: https://move.kmutt.ac.th/archives/1470 [15 มกราคม 2565]
5. Nissan Social, ความแตกต่างระหว่างเทคโนโลยีการขับเคลื่อนในรถยนต์แต่ละประเภท [Online], Available: https://www.nissan.co.th/experience-nissan/Nissan-EV/different-vehicles-technology.html [15 ธันวาคม 2564]
6. Pintuma.p., 2564, รถยนต์ไฟฟ้า EV ต้องใช้ไฟบ้านแบบไหน? จ่ายค่าไฟเท่าไหร่? [Online], Available: https://thinkofliving.com/ไอเดียตกแต่ง/รถยนต์ไฟฟ้า-ev-ต้องใช้ไฟบ้านแบบไหน-จ่ายค่าไฟเท่าไหร่-695064/ [19 มกราคม 2565]
7. TCIJ, 2564, บอร์ดยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ กำหนดปี 2568 ไทยใช้ EV 1.055 ล้านคัน [Online], Available: https://www.tcijthai.com/news/2021/3/current/11531 [20 มกราคม 2565]
8. การไฟฟ้านครหลวง, 2564, มาตรฐานความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าสำหรับ EV [Online], Available: https://www.mea.or.th/profile/3361/3440 [15 มกราคม 2565]
9. กมลวรรณ มาดายัง, 2564, รับกระแส “EV” ไทยพร้อมแค่ไหน กับการมาถึงของ “รถยนต์ไฟฟ้า” [Online], Available: https://www.bangkokbiznews.com/auto/968940 [20 มกราคม 2565]
10. บริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย, 2563, 6 ข้อควรรู้ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า [Online], Available: https://www.thansettakij.com/motor/440576 [15 ธันวาคม 2564]
11. เศรษฐวิทย์ แสงทิพย์, 2564, ข้อควรรู้ก่อนใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า [Online], Available: http://eit.bsru.ac.th/wp-content/uploads/2021/09/ผศ.ดร.-เศรษฐวิทย์-แสงทิพย์-ข้อควรรู้ก่อนใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า.pdf [15 ธันวาคม 2564]