อยากรู้ไหม? ทำไมใคร ๆ ก็พูดถึง EV (Electric Vehicle)

KMUTT Library
3 min readFeb 9, 2022

--

EV (Electric Vehicle) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา [3] ข้อมูลทางสถิติศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ สถาบันยานยนต์ ระบุว่า ในปี 2563 มีการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ 36,750 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 13 [9] การรับรู้ ตระหนักถึงปัญหาโลกร้อน ปัญหาด้านมลพิษในสิ่งแวดล้อม ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น รวมถึงปัญหาฝุ่นละลองขนาดเล็ก (PM2.5) ในบรรยากาศ ที่ทุกภูมิภาคทั่วโลกกำลังเผชิญกันถ้วนหน้า ทำให้วงการอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้พัฒนาเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานทดแทนพลังงานจากฟอส์ซิล เป็นรถยนต์ทั้งในรูปแบบ ไฮบริด และ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ควบคู่ไปพร้อมกับรถยนต์ระบบสันดาป เพื่อให้ตอบโจทย์ได้ตรงตามความต้องการของกลุ่มผู้ใช้งานโดยเฉพาะด้านการพัฒนาแบตเตอรี่ที่ได้พัฒนาไปพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้ตอบสนองกับการใช้งานได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น [1]

ภาพโดย Pixaline จาก Pixabay

รถยนต์ไฟฟ้า (EV) รุ่นที่สามารถเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ได้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ Plug-in Hybrid (PHEV) และ Battery Electric Vehicle (BEV) [5]

- PHEV ใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงและไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ โดยคนไทยจะคุ้นเคยกันในชื่อ รถไฮบริด (Hybrid) ซึ่งจะได้เปรียบด้านความยืดหยุ่นในด้านพลังงานทางเลือก ใช้งานได้ทั้งระบบไฟฟ้าและน้ำมัน แต่แบตเตอรี่ขนาดเล็กลง โดยระยะทางที่วิ่งได้ด้วยพลังไฟฟ้า จะขึ้นอยู่กับความจุแบตเตอรี่ ส่วนใหญ่อยู่ที่ 6–18 kW (Kilowatt) สามารถวิ่งได้ 25–80 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ส่วนเครื่องยนต์หลักที่ใช้ เป็นตัวเครื่องยนต์สันดาปภายใน ทำงานผสมผสานกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน และระบบจะเลือกทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์เองโดยอัตโนมัติ [5,11]

- BEV ใช้พลังงานไฟฟ้า 100 % ไม่ปล่อยมลพิษทางอากาศ เติมพลังงานผ่านการชาร์จไฟเท่านั้น เช่น รถเทสล่า (Tesla) Model 3 รถยนต์ไฟฟ้า BEV มีแบตเตอรี่ความจุ 60–90 kW วิ่งได้ไกลถึง 338–473 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ขั้นตอนการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้า มีจุดเริ่มต้นจากแบตเตอรี่ที่เป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง ต่อมาตัวแปลงกระแสไฟฟ้าจะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ไปเปลี่ยนเป็นไฟฟ้ากระแสสลับและส่งต่อไปยังตัวมอเตอร์เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนรถยนต์ [5,11]

ภาพสรุปรถยนต์ประเภทต่างๆ แบบเข้าใจง่าย โดย MG X ลงทุนแมน

ประโยชน์ของ BEV กับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน

1. ด้านค่าใช้จ่ายจากการใช้งานประจำวัน BEV ใช้เพียงแค่พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน โดยชาร์จแบตเตอรี่จากการจ่ายไฟฟ้า ค่าพลังงานไฟฟ้ามีราคาถูกกว่าน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะน้ำมันมีราคาผันผวนตามตลาดโลก ส่วนค่าไฟฟ้านั้นค่อนข้างคงที่ จะเสียค่าไฟครั้งละ 90–150 บาท/การชาร์จหนึ่งครั้ง หรือประมาณ 0.60–1 บาท/กิโลเมตร เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1–3 บาท/กิโลเมตร ทำให้สามารถประหยัดค่าเชื้อเพลิงไปได้มากกว่า 2–3 เท่า [3,10]

2. ด้านการซ่อมบำรุง ในส่วนของเครื่องยนต์นั้น รถยนต์ธรรมดาแบบใช้น้ำมันจะมีความเสื่อมสภาพของเครื่องยนต์มากกว่ารถยนต์ไฟฟ้า เพราะรถยนต์ไฟฟ้ามีส่วนประกอบน้อยกว่า และไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ได้มากกว่า เมื่อเทียบกับระบบรถยนต์ทั่วไป แม้ปัจจุบันราคาแบตเตอรี่จะค่อนข้างสูง (ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 372,000–558,000 บาท/คัน) แต่โดยทั่วไปแล้วแบตเตอรี่มีความทนทานและมีอายุการใช้งานสูง เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6–8 ปี ไม่ได้รับความเสียหายโดยง่าย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ “ระยะเวลา” และ “ระยะทาง” รวมถึงการรับประกันอายุแบตเตอรี่ของบริษัทผู้จัดจำหน่ายด้วย [3,10]

3. ด้านสิ่งแวดล้อม สำหรับรถ BEV เป็นยานยนต์ที่ไม่ปลดปล่อยมลพิษจากปลายท่อ เนื่องจากเป็นยานยนต์ที่ไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายใน จึงช่วยลดปัญหาด้านควันจากท่อไอเสีย รวมถึงลดปัญหาฝุ่นละลองขนาดเล็ก (PM2.5) ในบรรยากาศได้มากถึงร้อยละ 87 ในปี ค.ศ. 2050 เมื่อเทียบกับกรณีที่ดำเนินการโดยทั่วไป หรือ BAU [4, 10]

4. ด้านการทำงานและระบบเครื่องยนต์ของรถยนต์ไฟฟ้าเงียบกว่ารถยนต์ทั่วไป และใช้อัตราเร่งได้เร็วกว่ารถยนต์ทั่วไป เนื่องจากไม่มีขั้นตอนการทดเกียร์ [6]

ข้อพิจารณาเพิ่มเติมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

การพิจารณาเลือกซื้อรถของแต่ละบุคคลย่อมมีความต้องการที่แตกต่างกันในด้านการใช้งาน การเลือกประเภทรถที่เหมาะสมกับผู้ใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญ สิ่งที่ควรพิจารณาเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจเลือกรถยนต์ไฟฟ้า ได้แก่

1. ราคาและความคุ้มทุน รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยในปัจจุบัน (พ.ศ. 2565) ยังมีราคาที่สูงกว่ารถยนต์ระบบเครื่องยนต์สันดาป ในทางกลับกันค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างการใช้งาน ได้แก่ ค่าพลังงานน้ำมันที่มีราคาเพิ่มขึ้นตามความต้องการการใช้งาน ค่าซ่อมบำรุงที่มีแนวโน้มสูงขึ้น เมื่อเทียบกับราคาแบตเตอรี่ และค่าไฟฟ้าในการชาร์จ ตลอดอายุการใช้งาน เป็นต้น [3]

2. ระบบการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายในบ้าน มีปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง ได้แก่ ขนาดมิเตอร์ เต้ารับ และพื้นที่สำหรับชาร์จไฟในบ้านที่ควรมีมาตรฐานความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าสำหรับ EV [8] ตามข้อแนะนำจากการไฟฟ้านครหลวง เพื่อลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ภาพตัวอย่างมาตรฐานการติดตั้งเครื่องชาร์จแบบติดผนัง จากการไฟฟ้านครหลวง

3. การเดินทางกับขนาดแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งาน เนื่องจากสถานีชาร์จในประเทศไทยในขณะนี้ยังมีไม่มาก รวมถึงสถานีชาร์จที่มีอาจไม่ได้อยู่ในเส้นทางที่ต้องการ การวางแผนก่อนเดินทางจึงมีความสำคัญ ต้องจัดสรรเวลาสำหรับเดินทางไปยังสถานีชาร์จ ระยะเวลาในการชาร์จ และควรติดตั้ง Application มือถือ ที่ใช้สำหรับหาสถานีชาร์จ เช่น MEA EV, Plug Share, EA Anywhere เป็นต้น [11]

4. ประกันและการบำรุงรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งระยะปีในการประกันแบตเตอรี่เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาค่อนข้างสูง รวมถึงการบริการหลังการขายจากผู้จัดจำหน่าย

5. ด้านความปลอดภัยจากการกู้ภัยหากประสบอุบัติเหตุ กรณีตัวอย่างจากประเทศเนเธอร์แลนด์ กับเหตุการณ์รถยนต์ไฟฟ้าชนต้นไม้ จากอุบัติเหตุดังกล่าวทำให้แบตเตอรี่ของรถยนต์ได้รับความเสียหาย และบางส่วนลุกติดไฟในขณะที่แบตเตอรี่ยังคงติดอยู่ในตัวรถยนต์ ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงไม่สามารถแน่ใจได้ว่ารถยนต์ได้เกิดกระแสไฟฟ้ารั่วหรือไม่ ดังนั้นการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุและกู้ภัยรถยนต์ไฟฟ้าจำเป็นที่ต้องได้รับการอบรมหรือความรู้ที่เฉพาะเจาะจง เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย [9]

สำหรับประเทศไทย รถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ความนิยมในการใช้งานอาจยังไม่สูงมากนัก เนื่องจากค่าใช้จ่ายของทุนตั้งต้นในการซื้อยังจัดอยู่ในระดับที่สูงกว่ารถยนต์ระบบสันดาป ยังไม่มีสถานีบริการชาร์จแบตเตอรี่ที่ครอบคลุม รวมถึงความเคยชินในการใช้งาน อาจยังไม่ตอบโจทย์กับผู้ใช้งานมากนัก ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยที่ได้ทำการศึกษาพฤติกรรมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า BEV ในสหรัฐอเมริกาพบว่า อุปสรรคบางประการในการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ ได้แก่ ด้านค่าใช้จ่าย ระยะทางการขับขี่ที่จำกัด และความไม่ต้องการลองเทคโนโลยีใหม่ [11, 2]

เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) และเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก แนวทางพัฒนาส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs สู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ นับเป็นสิ่งสำคัญ ทางคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) วางนโยบายการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าด้วยมาตรการระยะเร่งด่วนและมาตรการระยะ 1- 5 ปี อาทิ เช่น ระยะเร่งด่วนจะมุ่งส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งประเภทสองล้อ สามล้อ และสี่ล้อไฟฟ้า วางแผนจัดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า ส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานแบตเตอรี่ ส่งเสริมการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต การบริหารจัดการซากแบตเตอรี่และซากรถยนต์แบตเตอรี่ที่ใช้แล้ว โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมตามหลักตามมาตรฐานสากล พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน (EcoSystem) เพื่อส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานสะอาด [7]

ภาพจากศูนย์วิจัย MOVE มจธ.

นอกจากมาตรการดังกล่าวแล้วยังมีหน่วยงานที่พร้อมสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ดังเช่น ศูนย์วิจัย Mobility and Vehicle Technology Research Center หรือ MOVE มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ที่ได้ศึกษาและวิจัย การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศจากภาคขนส่งทางถนนมาโดยตลอด โดยเฉพาะการพัฒนายานยนต์สมัยใหม่สำหรับประเทศไทย ส่งเสริมให้ปรับมาตรฐานการปล่อยไอเสียให้เป็นยูโร 5 หรือ ยูโร 6 และมุ่งส่งเสริมยานยนต์ใหม่ในปี ค.ศ. 2035 ที่จะเข้าสู่ตลาดเป็นยานยนต์ไร้มลพิษ 100% สามารถลดการปล่อยมลพิษฝุ่นละออง PM2.5 จากภาคขนส่งทางถนนลง ในปี ค.ศ. 2050 ได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 87 เทียบกับกรณีที่ดำเนินการโดยทั่วไป หรือ BAU [4] ซึ่งมาตรการเหล่านี้ยังจะถูกปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่อไปในอนาคต

เรียบเรียงโดย พรทิพย์ ชัยเชิดชูวงศ์

บรรณานุกรม

1. Ceemeagain, 2563, อนาคตของโลก EV จะมาแทนการใช้รถน้ำมันแล้ว ? [Online], Available: https://soundcloud.com/ceemeagain/the-futurist-ep68?fbclid=IwAR1TlwFA5NuoHFvcwH_sxj2Rud0OPaCSO2REDbHANNkxAJd6E7Z01Z-YYMM [8 มกราคม 2565]

2. Egbue O., 2020, Electric or Internal Combustion Engine? Analysis of Electric Vehicle Drivers’ Perceptions and Experiences. Proceedings of the 2017 International Annual Conference of the American Society for Engineering Management [Online], Available: https://search.ebscohost.com/login.aspx?direct=true&db=aps&AN=148271135&site=eds-live [January 19, 2022]

3. MG X ลงทุนแมน, 2563, การเปลี่ยนถ่ายจาก รถเครื่องยนต์สันดาป สู่ EV Car ในประเทศไทย [Online], Available: https://www.longtunman.com/23675 [15 ธันวาคม 2564]

4. MOVE, 2564, มาทำความรู้จักเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่กัน พร้อมกับแนวทางแก้ไขที่ทำได้จริง ในการแก้ปัญหามลพิษ PM2.5 โดยศูนย์วิจัย MOVE มจธ. [Online], Available: https://move.kmutt.ac.th/archives/1470 [15 มกราคม 2565]

5. Nissan Social, ความแตกต่างระหว่างเทคโนโลยีการขับเคลื่อนในรถยนต์แต่ละประเภท [Online], Available: https://www.nissan.co.th/experience-nissan/Nissan-EV/different-vehicles-technology.html [15 ธันวาคม 2564]

6. Pintuma.p., 2564, รถยนต์ไฟฟ้า EV ต้องใช้ไฟบ้านแบบไหน? จ่ายค่าไฟเท่าไหร่? [Online], Available: https://thinkofliving.com/ไอเดียตกแต่ง/รถยนต์ไฟฟ้า-ev-ต้องใช้ไฟบ้านแบบไหน-จ่ายค่าไฟเท่าไหร่-695064/ [19 มกราคม 2565]

7. TCIJ, 2564, บอร์ดยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ กำหนดปี 2568 ไทยใช้ EV 1.055 ล้านคัน [Online], Available: https://www.tcijthai.com/news/2021/3/current/11531 [20 มกราคม 2565]

8. การไฟฟ้านครหลวง, 2564, มาตรฐานความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าสำหรับ EV [Online], Available: https://www.mea.or.th/profile/3361/3440 [15 มกราคม 2565]

9. กมลวรรณ มาดายัง, 2564, รับกระแส “EV” ไทยพร้อมแค่ไหน กับการมาถึงของ “รถยนต์ไฟฟ้า” [Online], Available: https://www.bangkokbiznews.com/auto/968940 [20 มกราคม 2565]

10. บริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย, 2563, 6 ข้อควรรู้ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า [Online], Available: https://www.thansettakij.com/motor/440576 [15 ธันวาคม 2564]

11. เศรษฐวิทย์ แสงทิพย์, 2564, ข้อควรรู้ก่อนใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า [Online], Available: http://eit.bsru.ac.th/wp-content/uploads/2021/09/ผศ.ดร.-เศรษฐวิทย์-แสงทิพย์-ข้อควรรู้ก่อนใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า.pdf [15 ธันวาคม 2564]

--

--

KMUTT Library
KMUTT Library

Written by KMUTT Library

KMUTT Library provides information to any person. Our target supports everybody has Life Long Learning ready to 21st century skill.

No responses yet