การลดการปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality)
การเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาพอากาศ (Climate Change) นับว่าเป็นวาระสำคัญเร่งด่วนอีกวาระหนึ่งไม่แพ้กับวาระการแก้ปัญหาจากการระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลความเป็นอยู่ของมนุษย์และการพัฒนาที่ยั่งยืน ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมและพลักดันให้เกิดต่างก็มองเห็นถึงการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net- Zero Carbon Emissions)
ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาประชาคมโลกต่างตื่นตัวกับประเด็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและภาวะที่โลกมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น เกือบทุกประเทศจึงพยายามที่จะร่วมมือกันที่จะต่อสู้และรับมือกับปัญหาดังกล่าว โดยประเทศสมาชิกที่ได้ร่วมลงนามตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) ที่มีขึ้นเมื่อปี 2015 มีวัตถุประสงค์ร่วมกันในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้มากที่สุด หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emissions) ซึ่งปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมาจะต้องได้รับการปรับสมดุลให้เท่ากับปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ถูกดูดซับหรือถูกนำออกจากระบบ รวมถึงอาจหันมาใช้พลังงานสะอาดเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย [1] ปัจจุบันสถานการณ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศรุนแรงขึ้นในทุกภูมิภาคทั่วโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
จากรายงาน Global Carbon Project (GCP) 2021 ที่คาดการณ์ว่า ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลในปี 2021น่าจะอยู่ที่ 36.4 จิกะตัน ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมานั้นพบว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด (ลดลง 5.4% จากปี 2019) แต่ในปีนี้คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากแผนฟื้นฟูประเทศและเศรษฐกิจ หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตโรคระบาด [2] เมื่อย้อนดูสถิติการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของชาติมหาอำนาจทางอุตสาหกรรมพบว่า จีนขึ้นแท่นเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก ขณะที่สหรัฐอเมริกา ปล่อยคาร์บอนมากเป็นลำดับ 2 ของโลก [3] คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.3 และ 13.4 ตามลำดับ ในปี ค.ศ. 2019 ซึ่งทั้งประเทศจีนและสหรัฐอเมริกาได้ออกมาประกาศเป้าหมายเพื่อมุ่งเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี ค.ศ. 2060 และ 2050 ตามลำดับ [4]
สำหรับประเทศไทยได้มีการกำหนดประเด็นดังกล่าวในยุทธศาสตร์แห่งชาติ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศเจตนารมณ์ในที่ประชุมระดับผู้นำสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 26 (COP26) ณ เมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ว่า ประเทศไทยมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ.2050 … และมีเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2065 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เป็นมหาวิทยาลัยที่มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน มายาวนานกว่า 20 ปี มีความพร้อมทั้งในเรื่องขององค์ความรู้ ผู้เชี่ยวชาญ บุคลากร เทคโนโลยี และมีนโยบายชัดเจนด้านความยั่งยืนเกี่ยวกับระบบการจัดการด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม และสร้างการมีส่วนร่วม ได้ประกาศเจตนารมณ์การปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ของ มจธ. ภายในปี ค.ศ. 2040 (KMUTT Carbon Neutrality 2040) ทั้งนี้ การปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ของ มจธ. ภายในปี ค.ศ. 2040 ถูกกำหนดเป็นเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ใหม่ด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนของ มจธ. ซึ่งจะบูรณาการกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์อีก 5 ด้าน (KMUTT Sustainable University for Sustainable Development Goals) ได้แก่
1. การสร้างการมีส่วนร่วมของนักศึกษา (Increasing the Student Engagement)
2. การสร้างผลกระทบเชิงบวกจากผลงานวิจัยและนวัตกรรม (Demonstrating the Impact of Research and Innovation)
3. การสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชน (Encouraging the Community Engagement)
4. การสร้างโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Building Green Infrastructure & Environment) และ
5. การสร้างสรรค์ระบบการบริหารที่ยั่งยืน (Creating a Sustainable Management System)
รศ.ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กล่าวถึงเป้าหมายดังกล่าวว่า “จากนี้ไปการลดการปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์ จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตการทำงานและวัฒนธรรมองค์กรที่สามารถเข้าใจและตระหนักถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกและร่วมกันลดผลกระทบดังกล่าว นอกจากนี้ มจธ. ในฐานะหน่วยงานภาควิชาการ ก็พร้อมที่จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับประเทศและระดับสากลในการดำเนินการเพื่อมุ่งสู่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในระดับองค์กรและทุกพื้นที่การศึกษา” [5,6]
ด้วยเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการพัฒนาองค์กรไปสู่การลดการปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (KMUTT Carbon Neutrality 2040) มจธ.จึงได้รับเชิญให้เข้าร่วมเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (Thailand Carbon Neutral Network) ที่ดำเนินการโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และเครือข่าย Race to Zero โดยเป็นความร่วมมือในระดับนานาชาติในการไปสู่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้เข้าไปมีบทบาทร่วมในการมีส่วนช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมของประเทศไทยไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน 100% (RE 100) จึงได้รับเชิญเข้าร่วมเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของ RE100 Thailand Club โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
รวบรวมและเรียบเรียงโดยนางสาววิชญ์ชยาภรณ์ นามวิสัย
บรรณานุกรม
[1] ณรงค์กร มโนจันทร์เพ็ญ, 2564, ‘ก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์’ ประเทศใดตั้งเป้าไว้ปีไหนบ้าง [Online], Available: https://thestandard.co/countries-net-zero-emissions/ [20 ธันวาคม 2564]
[2] ณรงค์กร มโนจันทร์เพ็ญ, 2564, ภาพรวมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลในประชาคมโลก [Online], Available: https://thestandard.co/fossil-fuel-burning-carbon-dioxide-overview/ [22 มกราคม 2565]
[3] ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม, 2560, ลำดับแชมป์ปั๊มคาร์บอนมากที่สุดในโลก [Online], Available: https://greennews.agency/?p=15695 [20 ธันวาคม 2564]
[4] พิสุทธิ์ เพียรมนกุล และคนอื่น ๆ, 2564, ปรับกระบวนทัศน์การพัฒนาเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของสังคมไทย [Online], Available: https://www.greennetworkthailand.com/ความเป็นกลางทางคาร์บอน/ [28 ธันวาคม 2564]
[5] สยามรัฐออนไลน์, 2564, “มจธ.” ประกาศเจตนารมณ์ ลดปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ในปี 2040 [Online], Available: https://siamrath.co.th/n/299220 [22 ธันวาคม 2564]
[6] สุวิทย์ แซ่เตีย, 2564, “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” ตามแนวทางของ มจธ. | สุวิทย์ แซ่เตีย[Online], Available: https://www.bangkokbiznews.com/columnist/973037 [22 ธันวาคม 2564]
[7] สันติชัย อาภรณ์ศรี, 2562, ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก [Online], Available: https://themomentum.co/world-emissions/ [20 ธันวาคม 2564]
[8] พิสุทธิ์ เพียรมนกุล และคนอื่น ๆ, 2564, ปรับกระบวนทัศน์การพัฒนาเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของสังคมไทย [Online], Available: https://www.greennetworkthailand.com/ความเป็นกลางทางคาร์บอน/ [28 ธันวาคม 2564]