Urban Resilience
ด้วยวิกฤติของไวรัส COVID-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองที่เราอาศัยอยู่ไม่ว่าจะเป็นปัญหาฝุ่น PM2.5 ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น น้ำท่วม น้ำแล้ง ไฟไหม้ป่า ฯลฯ ทำให้แนวคิด Urban Resilience ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ บทความนี้มุ่งนำเสนอคำอธิบายของคำว่า Urban Resilience
คำว่า Resilience เป็นคำที่กำลังฮิตอยู่ในช่วงนี้ หรือถ้าแปลเป็นภาษาไทย Resilience หมายถึง “ความยืดหยุ่น” เจ้าความยืดหยุ่นนี้ดูเป็นคำที่ต่อเนื่องจากกระแสเรื่องความยั่งยืน แต่ในยุคปัจจุบันที่ความเปลี่ยนแปลงและวิกฤติต่าง ๆ ถาโถมเข้าสู่อารยธรรมมนุษย์ ความยืดหยุ่นจึงกำลังกลายเป็นแนวคิดและคุณสมบัติสำคัญที่ทั้งเรา ทั้งเมือง รวมถึงวิถีปฏิบัติต่าง ๆ จะต้องรับความยืดหยุ่นเข้าไว้กับตัวเพื่อรับมือ ปรับตัว และฟื้นฟูขึ้นจากวิกฤติและความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว (City Cracker, 2563)
Urban Resilience หมายถึง เมืองพร้อมรับมือ เนื่องจากคำว่า “พร้อมรับมือ” สื่อให้เห็นถึงการเตรียมตัวก่อนเกิดปัญหา และมีความหมายรวม”ตัวปัญหา”เข้าไปด้วย เพราะคาดว่าจะมีปัญหาจึงต้องเตรียมพร้อมรับมือ ต่างจากคำว่า พลวัต หรือยืดหยุ่น ซึ่งหากไม่มีบริบทอาจทำให้นึกภาพถึงการเกิดปัญหาหรือการรบกวนได้ยาก
ความพร้อมรับมือ หรือ Resilience นี้แตกต่างจากความยั่งยืนหรือ Sustainability โดยความยั่งยืนมีสมมติฐานว่าความสมดุลระหว่างสรรพสิ่งนั้นเป็นไปได้ ในขณะที่ความพร้อมรับมือนั้นคิดว่า การเปลี่ยนแปลงเกิดได้ตลอดเวลา งานวิจัยของฝั่งความยั่งยืนจึงเน้นที่การศึกษาปริมาณการปล่อยคาร์บอน การใช้ทรัพยากรมากเกินไป ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ในขณะที่งานวิจัยด้านความพร้อมรับมือจะเน้นที่การจัดการภัยพิบัติ ผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (RISC, 2564)
เมืองพลวัต (Resilient City) หมายถึง เมืองที่พัฒนาศักยภาพของตนเองเพื่อรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศที่ไม่แน่นอนในอนาคต โดยเข้าใจถึงความซับซ้อนของระบบเมืองและสังคมเมือง เมืองพลวัต หมายถึงเมืองที่ฟื้นฟูตัวเองได้เร็วหลังเกิดภัยพิบัติ ซึ่งเมืองพลวัตนั้นสามารถเกิดขึ้นจากการออกแบบเมืองให้คนที่อยู่ในละแวกเดียวกันได้รู้จักกันมากขึ้น เพราะเมื่อคนรู้จักกันมากขึ้น การช่วยเหลือก็จะมากขึ้นตาม สังคมก็จะฟื้นฟูได้เร็ว (นภัทรา นาคสิงห์, 2560)
หลักการความพลวัตของเมือง (Urban Resilience Principles) นั้นประกอบไปด้วย 6 แบบด้วยกัน คือ
1. เมืองที่มีความหลากหลาย (Diversity)
2. เมืองที่มีความซ้ำซ้อน (Redundancy)
3. เมืองที่ได้รับการออกแบบเป็นส่วนย่อยและมีความอิสระขององค์ประกอบต่าง ๆ ในระบบ (Modularity and Independence of System components)
4. เมืองที่มีความไวต่อการตอบสนอง (Feedback Sensitivity)
5. เมืองที่มีขีดความสามารถในการปรับตัว (Capacity of Adaptation)
6. เมืองที่มีการบูรณาการและตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental Responsiveness and Integration)
ซึ่งการเป็นเมืองพลวัตจะนำไปสู่ภาวะที่เมือง สังคม และทรัพยากรธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว (นภัทรา นาคสิงห์, 2560)
ตัวอย่างแนวคิดการพัฒนาเมืองต้นแบบ (Urban Design Guideline for Specific Purposed Towns)
จากงานวิจัยของ รศ.พนิต ภู่จินดา และ ยศพล บุญสม ภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เสนอผลงานเกี่ยวกับการนำเสนอแนวคิดการพัฒนาเมืองต้นแบบ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัย “คู่มือแนวทางสู่การออกแบบเมือง” จัดทำขึ้นเพื่อจัดประเภทเมืองตามบทบาท องค์ประกอบ และลักษณะของเมือง ผ่านกระบวนการศึกษาและคัดเลือกหลักทฤษฎีการพัฒนาเมืองที่เหมาะสมและประสบความสำเร็จของต่างประเทศ ประกอบด้วยการศึกษาข้อมูล เกณฑ์องค์ประกอบ ตัวชี้วัดด้านต่าง ๆ ปัจจัยหลักและปัจจัยเสริมที่สามารถประยุกต์ใช้กับการวางผังเมืองในพื้นที่ที่เหมาะสมตามลักษณะของเมืองประเภทนั้น ๆ และยังคงสอดคล้องกับองค์ประกอบ และบริบทของสังคมไทย เพื่อนำไปสู่การประยุกต์ใช้ได้จริงในอนาคต โดยมีขั้นตอนการวิจัยที่ผ่านการวิเคราะห์ในการดำเนินการศึกษา เป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ สามารถนำมาสู่การนำเสนอแนวทางการพัฒนาเมืองที่มีลักษณะแตกต่างกันตามศักยภาพและบทบาทของเมือง 5 ประเภท ได้แก่ เมืองท่องเที่ยวด้านนันทนาการและบันเทิง เมืองอุตสาหกรรม เมืองศูนย์ราชการ เมืองการศึกษา และเมืองศูนย์กลางคมนาคมขนส่งทางน้ำและโลจิสติกส์ โดยการพัฒนาเมืองทั้ง 5 ประเภทนี้จะเป็นกลไกที่จะขับเคลื่อนและรองรับการพัฒนาของประเทศในอนาคตอย่างเหมาะสมและยั่งยืน เนื่องจากการวางและการออกแบบทางผังเมืองต้องมีหลักเกณฑ์ แนวคิดที่สอดคล้องเหมาะสมกับศักยภาพและบทบาทของเมืองหรือพื้นที่นั้น ๆ และช่วยแก้ไขปัญหาพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม (พนิต ภู่จินดา และ ยศพล บุญสม, 2559)
ตัวอย่างการออกแบบและพัฒนาชุมชนเมือง: สู่การสร้างสรรค์ความน่าอยู่อาศัย (Urban Design and Development: Towards Creating Livability)
ศาสตราจารย์ วิมลสิทธิ์ หรยางกูร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้เสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงในการศึกษาและวิชาชีพ การออกแบบชุมชนเมือง หรือ สถาปัตยกรรมผังเมือง จากสาระสำคัญในแนวปฏิบัติเดิม ๆ ที่พัฒนามาจากพื้นฐานวิชาการทางสถาปัตยกรรม วิชาการทางการผังเมือง และวิชาการทางภูมิสถาปัตยกรรม สู่ความเป็นสหวิทยาการ (multidiscipline) ที่ให้ความสำคัญการเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นเมือง ซึ่งเป็นเรื่องของ “คน” “เมือง” และ “วิถีชีวิต” ของคนเมือง โดยมาจากกระบวนการวางแผน (planning) การออกแบบ (design) และการพัฒนาให้เป็นจริง (implementation) พร้อมกันนี้ จำเป็นต้องเร่งรัดให้สภาสถาปนิกดำเนินการให้มีโอกาสการใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามเกณฑ์มาตรฐานสำหรับงานออกแบบชุมชนเมือง พร้อมกับการเปิดตำแหน่งในคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตามภาระหน้าที่ในการออกแบบและพัฒนาชุมชนเมือง และให้กำหนดขอบเขตวิชาชีพให้ชัดเจน และครอบคลุมมากกว่าที่ได้บัญญัติไว้ นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอสาระสำคัญเกี่ยวกับโอกาสที่เปิดกว้างสำหรับวิชาชีพการออกแบบและพัฒนาชุมชนเมืองในหลากหลายมิติ รวมทั้งการตอบโจทย์ของโลกที่ได้เปลี่ยนไป เพื่อเคลื่อนตัวสู่วิชาชีพในเวทีสากล ในบทสรุปได้ชี้ไปที่ประเด็นการยกระดับวิชาการและวิชาชีพ การออกแบบและพัฒนาชุมชนเมือง และให้ตอบรับกับปัญหาของโลกอันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นเมืองอย่างเร่งด่วน (accelerated urbanization) ซึ่งเป็นเรื่องนอกเหนือสาระสำคัญของ ‘สถาปัตยกรรมผังเมือง’
ที่มา : https://ramboll.com/ingenuity/resilience-a-sustainability-prerequisite
การพัฒนาและการใช้ชีวิต จึงต้องคำนึงถึงทั้งความพร้อมรับมือและความยั่งยืน ความพร้อมรับมือจะช่วยให้ระบบฟื้นตัวจากเหตุการณ์รบกวนซึ่งอาจถูกป้องกันไม่ให้เกิดหรือเกิดโดยมีผลกระทบลดลงโดยการเลือกใช้มาตรการที่เหมาะสม และมาตรการที่เหมาะสมจำเป็นต้องคำจึงถึงความยั่งยืนเพื่อลดแนวโน้มการสร้างปัญหาต่อ ๆ ไป เมืองที่พร้อมรับมือและมุ่งสร้างความยั่งยืนจึงจะเป็นเมืองที่อยู่รอดในอนาคตอย่างแท้จริง (RISC, 2564)
รวบรวมข้อมูลโดยนางสาวสุพักตรา ยุทธภัณฑ์บริภาร
เอกสารอ้างอิง
นิภัทรา นาคสิงห์. (2560). 5 ข้อที่บอกว่าผังเมืองที่ดีจะทำให้เมืองรับมือกับน้ำท่วมและภัยพิบัติได้อย่างไร. A day, 18 (6), สืบค้น 3 กันยายน 2564, จาก https://adaymagazine.com/river-city-plan
ปรัชญา กำลังแพทย์. (2562). Climate Change กับการคิดใหม่เรื่องผังเมือง และการปรับรูปแบบชีวิตของคนในเมือง : ผศ.ดร. วิจิตรบุษบา มารมย์. สืบค้น 2 กันยายน 2564, จาก https://www.the101.world/climate-change-and-rethinking-about-urban-planing-and-changing-in-urban-people-lifestyle/
พนิต ภู่จินดา และ ยศพล บุญสม. (2559). แนวคิดการพัฒนาเมืองต้นแบบ Urban Design Guideline for Specific Purposed Towns. เจ-ดี : วารสารวิชาการ การออกแบบสภาพแวดล้อม, 3(1), 21–43.
พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์. (2559). เมืองที่รับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้. สืบค้น 1 กันยายน 2564, จาก https://www.matichon.co.th/columnists/news_191562
วิมลสิทธิ์ หรยางกูร. (2559). การออกแบบและพัฒนาชุมชนเมือง: สู่การสร้างสรรค์ความน่าอยู่อาศัย
Urban Design and Development: Towards Creating Livability. เจ-ดี : วารสารวิชาการ การออกแบบสภาพแวดล้อม, 3(2), 3–23.
City Cracker. (2563). URBAN RESILIENCE เมืองยืดหยุ่นคืออะไร ทำไมเมืองถึงต้องยืดหยุ่น. สืบค้น 31 สิงหาคม 2564, จาก https://citycracker.co/city-environment/what-is-urban-resilience/
PATRICK MOLONEY. (2020). Resilience: A Sustainability Prerequisite?. September 7, 2021, Retrieved from https://ramboll.com/ingenuity/resilience-a-sustainability-prerequisite
RISC (Research & Innovation for Sustainability Center. (2564). ท่ามกลางปัญหามากมายของเมือง Urban Resilience คืออะไรและจะช่วยเมืองได้อย่างไร. สืบค้น 1 กันยาน 2564, จาก https://risc.in.th/knowledge/urban-resilience