AI ใส่ใจสุขภาพจิต
ในช่วงที่ผ่านมา มีใครเป็นอาการอย่างนี้บ้างหรือไม่ ..
รู้สึกกังวล ห่วงคนรอบข้าง หวังให้ปลอดภัยต่อภาวะโรคระบาด รู้สึกสูญเสียจากข่าวเศร้าของใครบางคนที่จากไป..รู้สึกเหนื่อยที่ต้องต่อสู้เพียงลำพัง รู้สึกเครียดกับงานหน้าจอที่ทำเป็นเวลานาน ๆ คิดอะไรไม่ออก สมองล้า โฟกัสหรือจดจ่อกับสิ่งที่ต้องศึกษาไม่ได้เลย
ความรู้สึกที่กล่าวมานี้สอดคล้องกับผลการรวบรวมข้อมูลประเมินสุขภาพจิตของคนไทยของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ในช่วงเดือน พ.ค. 2563 ถึง 5 ส.ค. 2564 ที่พบว่า ค่าเฉลี่ยประชาชนทั่วประเทศทุกกลุ่มที่ตอบแบบสอบถาม 102,425 คน มีความเครียดสูง 5.6% เสี่ยงซึมเศร้า 7.27% เสี่ยงฆ่าตัวตาย 3.38% และภาวะหมดไฟ 3.2% ประชาชนทั่วไปเหล่านี้จะตระหนักต่อความผิดปกติด้านอารมณ์ของตัวเองบ้างหรือไม่ มีวิธีการจัดการอย่างไร ทั้งนี้ กรมสุขภาพจิตได้ออกแบบเครื่องมือประเมินสุขภาพจิตเบื้องต้นและคัดกรองความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตจากสถานการณ์ COVID-19 ชื่อว่า MENTAL HEALTH CHECK IN เพื่อช่วยให้บุคลากรสาธารณสุข อาสาสมัคร จิตอาสา ประชาชน ใช้ประเมินสุขภาพและเข้าถึงบริการได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ผลการเก็บข้อมูลประเมินสุขภาพจิตสามารถนำไปวิเคราะห์แนวโน้มของสุขภาพจิตโดยรวมเพื่อให้บริการด้านสุขภาพจิต เช่น การให้บริการสายด่วนสุขภาพจิต โทร-แชทข้อความขอรับบริการให้คำปรึกษา และการปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกันในสังคมกับบุคคลอื่นได้ จากแผนพัฒนาดิจิทัล กรมสุขภาพจิต ฉบับที่ 1 (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562–2565) ของไทย มีร่างแผนการพัฒนาด้านฮาร์ดแวร์ ที่ต้องการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อสนับสนุน E-Mental Health การบริการการรักษาทางไกล ดังนั้น คนไทยจึงควรได้รู้จักการให้บริการด้านสุขภาพจิตทางไกลซึ่งมีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence Technology : AI) มาเป็นส่วนช่วยสำคัญให้ผู้คนดูแลรักษาสุขภาพจิตมากยิ่งขึ้น จากผลงานวิจัยของ IBM ในปี ค.ศ. 2017 ระบุว่าเทคโนโลยีทางด้าน AI เป็นกุญแจปลดล็อคต่อปัญหาทางสุขภาพจะเข้ามามีส่วนช่วยต่อระบบการรักษาทางสุขภาพจิตในอีก 5 ปี จากข้อมูลที่เราพูด เขียน และบันทึกผลออกมา เป็นตัวชี้วัดสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกายในอนาคต กิจกรรมจากพฤติกรรมการใช้งานอุปกรณ์เทคโนโลยีของเรา เช่น โทรศัพท์มือถือ นาฬิกาอัจฉริยะ หูฟังอัจฉริยะ จะถูกกำหนดเป็นรูปแบบและวิเคราะห์สัญญาณความปกติและหาความไม่ปกติในแรกเริ่มของความป่วยทางจิต และโรคทางระบบประสาทที่เสื่อมลง ช่วยให้แพทย์คาดการณ์และติดตามผู้ป่วยได้ ยกตัวอย่างรายละเอียดในงานวิจัยบทบาทของปัญญาประดิษฐ์ต่อเทคโนโลยีและสุขภาพจิต ในปี ค.ศ. 2020 ที่ใช้ AI ในการจำแนกพฤติกรรมทางด้านสุขภาพจิต โดยมีการบันทึกผลจากเซ็นเซอร์ร่วมกับแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน เช่น แอพ “Companion” เพื่อติดตามผู้ป่วยผ่านพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์คนที่มีภาวะผิดปกติทางใจ (Post-traumatic stress disorder : PTSD) หรือภาวะซึมเศร้า โดยวิเคราะห์จากพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือ จำนวนการโทรออก จำนวนข้อความที่ไม่ซ้ำ ความผันแปรของเสียงในโทรศัพท์มือถือ วิเคราะห์คุณภาพเสียงทำนายอาการซึมเศร้า ประโยคที่มีแนวโน้มเสี่ยงต่อพฤติกรรมเศร้า เช่นเดียวกับการใช้ AI เพื่อบ่งชี้พฤติกรรมจากการวัดสุขภาพจิตในกลุ่มนักศึกษาจากพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือ พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักศึกษา 251 คน สามารถจำแนกเป็นกลุ่มที่มีความเครียดสูง/ต่ำ มีความแม่นยำที่ 86% ในปัจจุบันเริ่มมีการใช้ AI ทั้งในรูปแบบแอปพลิเคชัน (Application) และแชทบอท (Chatbot) ดังนั้นจึงนำเสนอแอปพลิเคชันและแชทบอทที่น่าสนใจให้มาได้รู้จักกัน
แอปพลิเคชันเพื่อสุขภาพจิต ที่พัฒนาโดยนักพัฒนาชาวไทยและต่างประเทศสามารถแบ่งได้ตามเป้าหมายการใช้งาน ได้แก่
1) แอปพลิเคชันสำหรับบริหารจัดการตัวเอง (Self-management apps) กรอกข้อมูลตอบคำถามคัดกรองเพื่อให้ระบบประมวลผลออกมาเป็นคำแนะนำ เช่น แอปพลิเคชัน Mental Health Check Up ตอบแบบประเมินเก็บข้อมูล แอปพลิเคชัน Moodfit แอปพลิเคชัน eMoods เก็บ track ข้อมูลสภาวะอารมณ์และกิจกรรมในแต่ละวัน
2) แอปพลิเคชันสำหรับฝึกฝนทักษะ (Skill-training apps) การเรียนรู้วิธีจัดการรับมือปัญหาความไม่สบายใจ ผ่านการฝึกฝนที่ช่วยให้ผ่อนคลาย สบายใจ อย่างการฝึกสมาธิ เช่น แอปพลิเคชัน MoodMission แอปพลิเคชัน Calm ที่มีกิจกรรมให้โจทย์จัดการกับอารมณ์
3) แอปพลิเคชันสำหรับสนับสนุนการรักษา (Supported care apps) ใช้ติดต่อ นัดหมาย เชื่อมโยงกับบริการสุขภาพของสถานพยาบาลเพื่อติดตามผลระหว่างรักษา เช่น แอปพลิคชัน Talkspace สามารถพูดคุยปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพจิต แอปพลิเคชัน Ooca แอปพลิเคชัน Sati แอปพลิเคชัน Raksa
แชทบอทที่ช่วยรักษาด้วยการบำบัดด้วยความคิดและพฤติกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพจิต Cognitive Behavioral Therapy (CBT) สามารถแบ่งได้ตามเป้าหมายการใช้งาน ได้แก่
1)แชทบอทที่ตรวจสอบอารมณ์ของผู้ใช้ โดยแสดงความคิดเห็นผ่านการสนทนาเพื่อการรักษา บำบัดด้วยการพูดคุยให้ผู้ป่วยช่วยปรับทัศนคติเชิงลบของตนให้เป็นแง่บวก ตีความอารมณ์จากคีย์เวิร์ดการสนทนาของผู้ใช้ เช่น แอปพลิเคชัน Woebot แอปพลิเคชัน Wysa แอปพลิเคชัน Joy แอปพลิเคชัน psyjaibot (ใส่ใจ)
2) แชทบอทที่แนะนำผู้ใช้ในกิจกรรมบันทึกประจำวัน ให้ผู้ใช้บันทึกอารมณ์ พร้อมให้คำอธิบายสั้นๆ รับรู้อารมณ์ในแง่ลบ และถามคำถามเชิงลึกช่วยให้ผู้ใช้ได้ไตร่ตรองอารมณ์ของตัวเขาเองไปสู่รูปแบบความคิดเชิงบวก และมีกิจกรรมแบบฝึกหัดด้วยเสียง เช่น แอปพลิเคชัน Moodnotes แอปพลิเคชัน Pacifica
จะเห็นได้ว่า เทคโนโลยี AI เข้ามามีส่วนช่วยมากขึ้นต่อการดูแลสุขภาพจิต ส่วนใหญ่ปรากฏให้ได้ใช้กันมากในรูปแบบแอปพลิเคชันเพราะสะดวกต่อผู้ใช้งานที่สามารถให้ระบบวิเคราะห์สุขภาพของตนเองผ่านการบันทึกข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานสมาร์ทโฟน รวมทั้งมีแชทบอทที่ไว้พูดคุยปรึกษาสุขภาพใจด้วยได้ เป็นประโยชน์ต่อการรักษาเพราะ AI ขับเคลื่อนด้วยการใช้ข้อมูลแบบจำลอง คาดการณ์ การตรวจจับภาวะสำหรับสุขภาพจิต ให้แก่การอนุมานสุขภาพจิตของผู้ป่วยไปยังแพทย์ผู้รักษา ซึ่งไม่ได้แทรกแซงต่อแนวทางการรักษาแต่อย่างใดเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์รวบรวมผลของผู้ป่วยให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที แม้ว่าเรามีผู้คนแวดล้อมรอบตัวเรา แต่เรื่องบางเรื่องเราอาจจะไม่ได้อยากเล่าให้ใครฟังก็ได้ ดังนั้น แอปพลิเคชันจึงเป็นทางเลือกหนึ่งของดูแลรักษาสุขภาพจิต แล้วคุณล่ะ ได้ดูแลใจของคุณบ้างแล้วหรือยัง
รวบรวมข้อมูลโดยนางสาวอารยา ศรีบัวบาน
เอกสารอ้างอิง
Amy Morin, LCSW. (2021). Best Mental Health Apps : Find peace of mind from your smartphone or tablet. Retrieved by September 1, 2021. URL: https://www.verywellmind.com/best-mental-health-apps-4692902.
Ayn de Jesus. (2019). Chatbots for Mental Health and Therapy — Comparing 5 Current Apps and UsemCases. Retrieved by August 29, 2021. URL: https://emerj.com/ai-application-comparisons/chatbots-mental-health-therapy-comparing-5-current-apps-use-cases/.
D’Alfonso, S. (2020). AI in mental health. Current Opinion in Psychology.
doi:10.1016/j.copsyc.2020.04.005.
Lovejoy, C. (2019). Technology and mental health: The role of artificial intelligence. EuropeanmPsychiatry, 55, 1–3. doi:10.1016/j.eurpsy.2018.08.004
PR Newswire. (2017). IBM Reveals Five Innovations that will Help Change our Lives within Five Years. Retrieved by August 27, 2021. URL: https://newsroom.ibm.com/2017-01-04-IBM-Reveals-Five-
Innovations-that-will-Help-Change-our-Lives-within-Five-Years-1. กรมสุขภาพจิต. (2564). MENTAL HEALTH CHECK IN. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564, URL: https://checkin.dmh.go.th/.
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2564). แผนพัฒนาดิจิทัล กรมสุขภาพจิต ฉบับที่ 1 (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562-2565) (แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมสุขภาพจิต). สืบค้นเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2564, URL: https://www.dmh.go.th/intranet/cio/Digi_Dev_Plan/files/แผนพัฒนาดิจิทัล%20กรมสุขภาพจิต%20ฉบับที่1%202562_2565.pdf.
ไทยรัฐออนไลน์. (2564). เช็กสุขภาพจิต 4 สัญญาณอันตราย คนกรุงตกงานเสี่ยงเครียด ซึมเศร้ากว่าครึ่ง. สืบค้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564, URL: https://www.thairath.co.th/scoop/infographic/2182526.
Warittha Saejia. (2564). สมองล้า คิดอะไรไม่ออก เหมือนมีหมอกปกคลุม? รู้จักภาวะ ‘Brain Fog’ ที่ทำให้สมองไม่สดใส. สืบค้นเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2564, URL: https://thematter.co/social/how-to-beat-brain-fog-during-pandemic/153512.
Suriyan Panomai. (2564). 5 แอปฯ ฮีลใจดาวน์โหลดติดเครื่องไว้ในวันที่เจอแต่เรื่องชวนเครียด. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2564, URL: https://www.timeout.com/bangkok/th/health-and-beauty/mental-health-app.