1-MCP เทคโนโลยีการยืดอายุดอกไม้

KMUTT Library
2 min readFeb 22, 2021

--

พืชผัก ผลไม้และไม้ดอกของประเทศไทยมีความหลากหลายให้เลือกสรรในทุกฤดูกาล แต่ด้วยสภาพอากาศอยู่ในเขตร้อน ปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้ผักและผลไม้เน่าเสีย จะเร็วหรือช้านั้นขึ้นอยู่กับหลายสาเหตุ และขึ้นอยู่กับชนิดของพืชผักและผลไม้ด้วย โดยแบ่งสาเหตุออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

1. ด้านชีวภาพ ได้แก่ การสูญเสียน้ำและความชื้น การเปลี่ยนแปลงทางด้านเมแท-
บอลิซึม ฮอร์โมนของพืช การเจริญเติบโตของผักและผลไม้ การทำลายของเชื้อจุลินทรีย์

2. ด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่ อุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ และแมลง

เมื่อเรารู้ถึงสาเหตุของการเน่าเสียหรือเสื่อมสภาพของผักและผลไม้ ด้วยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว จากผลงานของนักวิจัยจำนวนมากได้คิดค้นกรรมวิธีการยืดอายุในการเก็บรักษาผักและผลไม้อยู่หลายวิธี เช่น การเก็บรักษาโดยใช้ความเย็น การใช้สารเคลือบผิว การรมโอโซน การใช้ฟิล์มบรรจุภัณฑ์ การใช้ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ การเก็บรักษาในสภาพบรรยากาศดัดแปลง (modified atmosphere) และการใช้สารดูดซับเอทิลีน โดยใช้สาร 1-MCP

1- เมทิลไซโคลโพรพีน (1-Methylcyclopropene; C4H6) ชื่อย่อ “1-MCP” เป็นสารควบคุมการเจริญเติบโตในพืช มีฤทธิ์ดูดซับเอทิลีน มีสถานะเป็นก๊าซ ปราศจากสีและกลิ่น ไม่เป็นอันตรายต่อคนและสิ่งแวดล้อม มีการใช้งานกันอยู่ทั่วไป ในต่างประเทศให้การยอมรับมานานแล้ว ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาก็อนุญาตให้ใช้สารตัวนี้กับผักผลไม้และดอกไม้ได้ โดยมีกลไกในการยั้บยั้งการทำงานของเอทิลีน ทำให้พืชตอบสนองต่อเอทิลีนน้อยลงและยังช่วยลดการสร้างเอทิลีนของพืชได้ด้วย ซึ่งเอทิลีนเป็นฮอร์โมนพืชที่มีสถานะเป็นแก๊ซ โดยทั่วไปเอทิลีนจะไปเร่งอัตราการเสื่อมสภาพของพืชหรือส่วนของพืช เช่น ไปกระตุ้นให้เกิดการหลุดร่วงของใบในดอก เอทิลีนทำให้ดอกไม้หลายชนิดเหยี่ยวเร็วขึ้น หรือไม่บานเลย

https://www.pexels.com/th-th/photo/66293/

จากงานวิจัยที่ได้สำรวจข้อมูล
การยืดอายุการปักแจกันของกุหลาบตัดดอกด้วยวิธีการต่าง ๆ หลังการเก็บเกี่ยว ของศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว เมื่อปี 2553 ได้นำ 1-MCP
มาเป็นสารยับยั้งการทำงานของเอทิลีนต่อคุณภาพของดอกกุหลาบก่อนเก็บรักษา โดยทำการรมดอกกุหลาบด้วย 1-MCP ที่ระดับความเข้มข้น 0 200 และ 500 nl•L-1 นาน 6 ชั่วโมง และพัลซิ่งด้วยสารละลายเอทานอลที่ระดับความเข้มข้น 0 2 และ 5% นาน 24 ชั่วโมงที่อุณหภูมิ 21±2 ๐C แล้วย้ายปักในน้ำกลั่น ณ ห้องควบคุมอุณหภูมิตลอดระยะเวลาการปักแจกัน พบว่า ความเข้นข้นและชนิดของสารมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักสด ปริมาณน้ำตาลทั้งหมดในกลีบดอก การบาน และการผลิตเอทิลีน
อย่างมีนัยสำคัญ การใช้ 1-MCP ทำให้การบานของดอกชะลอลง เมื่อเพิ่มความเข้มข้นของ 1-MCP สูงขึ้น กลับไปชะลอการบานของดอกกุหลาบ โดยเฉพาะช่วง 0–2 วันของการปักแจกัน (มัณฑนา บัวหนอง, 2553) และการใช้ 1-เมทิลไซโคลโพรพีน (1-MCP) เพื่อศึกษาผลกระทบของเอทิลีนต่ออายุการปักแจกัน และคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของช่อดอกกล้วยไม้สกุลหวายพันธุ์ขาวสนาน โดยนำช่อดอกกล้วยไม้มารมด้วย 1-MCP ความเข้มข้น 500 nL·L-1 เป็นเวลา 3 ชั่วโมง และตามด้วยเอทิลีนความเข้มข้น 0.4 μL·L-1 เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิห้อง (25 องศาเซลเซียส) สำหรับช่อดอกกล้วยไม้ที่ได้รับการรมด้วย 1-MCP และ 1-MCP ร่วมกับเอทิลีนมีอายุการปักแจกันเพิ่มขึ้น (11.5 และ 11.4 วัน) ในขณะที่การรมด้วยเอทิลีนทำให้อายุการปักแจกันลดลงครึ่งหนึ่ง (3.5 วัน) เมื่อเปรียบเทียบกับชุดควบคุมที่ได้รับ 1-MCP พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติของการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักสด การดูดน้ำ การสร้างเอทิลีนการเปลี่ยนแปลงของสีดอก และยังช่วยชะลอการเสื่อมตามอายุของดอกและการร่วงของดอกตูมได้อีกด้วย แต่ไม่มีผลต่อการร่วงของดอกบาน แสดงให้เห็นการทำงานของ 1-MCP ที่สามารถยับยั้งผลที่เกิดขึ้นจากเอทิลีนได้อย่างชัดเจน (ภูมิพงษ์ ชูช่วยสุวรรณ กุลนาถ อบสุวรรณ และ กนกวรรณ เสรีภาพ ,2556)

ด้วยเทคโนโลยีการเก็บเกี่ยวที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และปัญหาการใช้สาร 1-MCP คือ ใช้งานยาก และต้องใช้ระยะเวลารมก๊าซนาน ผศ. ดร.ณัฐชัย พงษ์ประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) จึงได้มีการพัฒนารูปแบบการใช้งานที่สะดวก และง่ายในรูปแบบของ “ก๊าซ 1-MCP หรือ เมทิลไซโคลโพรพีนชนิดกระป๋องอัดแรงดันพร้อมใช้งาน” ขึ้นเป็นครั้งแรก สเปรย์ก๊าซ 1-MCP นี้ เหมาะสำหรับร้านดอกไม้ที่มีตู้แช่ โดยใช้สเปรย์ฉีดพ่นเข้าไปในตู้แช่ก่อนปิดร้านและปล่อยทิ้งไว้ข้ามคืน การฉีดเปรย์ให้เพียงเล็กน้อยวันละครั้งจะช่วยชะลอการเสื่อมสภาพหรือการเหี่ยวของดอกไม้ได้ ด้วยสเปรย์กระป๋องบรรจุก๊าซ 1-MCP ที่มจธ. พัฒนาขึ้น มีปริมาณขนาด 1.5 ลิตร สามารถใช้งานได้ 50 ครั้ง มีความเข้มข้นของก๊าซ 1-MCP เท่ากับ 1,900 ppm

จากที่ได้กล่าวมานั้นสาร 1-MCP นั้นมีอยู่หลายแบบ ทั้งในรูปแบบผง หรือซองปลดปล่อย คล้ายซองกันชื้นและแบบอัดเม็ด วิธีใช้งานคือต้องรม 1-MCP ในระบบปิด
ถ้าเป็นแบบเม็ดบางที่ก็ต้องบดหรือหัก ต้องนำมาละลายในน้ำ หรือถ้าเป็นแบบซอง ต้องหยดน้ำลงไปบนซองเพื่อให้ก๊าซ 1-MCP ปล่อยออกมา ซึ่งต้องใช้ระยะรมอย่างน้อย 6–12 ชั่วโมง ระดับความเข้มข้นของสาร 1-MCP ยังขึ้นอยู่ชนิดของพืชผัก ผลไม้และดอกไม้ ซึ่งวิธีนี้เป็นการใช้งานแบบดั้งเดิม ที่ค่อนข้างใช้งานยาก ไม่สะดวก และต้องใช้เวลานาน หรือจะเป็นสเปรย์ก๊าซ 1-MCP ชนิดกระป๋องอัดแรงดันเพียงฉีดวันละครั้งสะดวกต่อการใช้งาน ช่วยให้พืชผัก ผลไม้และไม้ดอกของเรายังคงสภาพและปลอดภัยก่อนถึงมือผู้บริโภค

รวบรวมข้อมูลโดยนางสาวสุภาวดี สังข์วรรณ

เอกสารอ้างอิง

มัณฑนา บัวหนอง เฉลิมชัย วงษ์อารี และชัยรัตน์ เตชวุฒิพร, 2553, การยืดอายุการปกแจกันของกุหลาบตัดดอกด้วยวิธีการต่าง ๆ หลังการเก็บเกี่ยว ภายนอก, สายวิชาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี.

ภูมิพงษ์ ชูช่วยสุวรรณ กุลนาถ อบสุวรรณ และ กนกวรรณ เสรีภาพ, 2556, “1-เมทิลไซโคลโพรพีนป้องกันการ เสื่อมสภาพในช่อดอกกล้วยไม้สกุลหวาย พันธุ์ขาวสนานที่เกิดจากการได้รับเอทิลีนจากภายนอก”, วารสารพฤกษศาสตร์ไทย, ปีที่ 5 , ฉบับพิเศษ , หน้า 191–198.

สรวิศ แจ่มจำรูญ, 2556, การยืดอายุผักและผลไม้ [ออนไลน์], Available: https://www.tistr.or.th/tistrblog/?p=1639 [10 ตุลาคม 2563]

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, 2563, 1-เมทิลไซโคลโพรพีน [ออนไลน์], Available: https://th.wikipedia.org/wiki/1-เมทิลไซโคลโพรพีน [6 พฤศจิกายน 2563]

ณิพัทธ์พงษ์ บุญมาลัย, 256?, การเก็บรักษา [ออนไลน์], Available: https://sites.google.com/site/sciforbus/bth-thi-4/4-1-kar-keb-raksa-sinkha [3 พฤศจิกายน 2563]

2563, สเปรย์ก๊าซ 1- MCP’ มจธ.คิดค้นช่วยยืดอายุผักผลไม้และดอกไม้ [ออนไลน์], Available: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/904353 [10 ตุลาคม 2563]

ศักยะ สมบัติไพรวัน, 2555, การศึกษาการชะลอการสุกของมะม่วงน้ำดอกไม้ด้วยถ่านกัมมันต์, วิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมเกษตร สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี.

--

--

KMUTT Library
KMUTT Library

Written by KMUTT Library

KMUTT Library provides information to any person. Our target supports everybody has Life Long Learning ready to 21st century skill.

No responses yet