เพราะ “คุณภาพอากาศภายในอาคาร” เป็นสิ่งสำคัญ

KMUTT Library
3 min readAug 19, 2021

--

รู้หรือไม่?? หากร่างกายขาดออกซิเจนเพียง 4 นาที จะทำให้เซลล์สมองตาย เกิดความพิการทางสมอง จนทำให้การทำงานของสมองผิดปกติไปตลอดชีวิต และมนุษย์ต้องหายใจเอาอากาศเข้าร่างกายประมาณ 18 กิโลกรัม/วัน ซึ่งเป็นปริมาณที่มากกว่าอาหารและน้ำดื่มที่เราบริโภคในแต่ละวันถึง 15 เท่า จะเห็นได้ว่า “อากาศ” คือสิ่งที่มีค่าที่สุดอย่างหนึ่งในการใช้ชีวิตอยู่ของมนุษย์

รูปที่ 1 แสดงปริมาณการหายใจของมนุษย์ในแต่ละวันที่มากกว่าปริมาณอาหารและน้ำ

ปัจจุบันเราควรให้ความสนใจเรื่องคุณภาพอาคารภายในอาคารมากขึ้น เพราะคุณภาพอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Quality : IAQ) ส่งผลต่อสุขภาพของคนที่อาศัยอยู่ภายในอาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเมืองที่ในแต่ละวันใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ภายในอาคารที่ติดเครื่องปรับอากาศเกือบร้อยละ 90 ของเวลาในแต่ละวัน แต่การออกแบบการก่อสร้างอาคาร และบ้านเรือน ที่มีระบบหมุนเวียนและระบบระบายอากาศ ที่คำนึงถึงสุขลักษณะของผู้ที่อยู่อาศัย กลับไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควร ซึ่งบ่อยครั้งผู้อยู่อาศัย คนทำงาน อาจรู้สึกไม่สบายตัวได้จากอากาศที่ไม่หมุนเวียน และไม่ถ่ายเท จนทำให้ถึงขั้นป่วยเป็น Sick Building Syndrome ซึ่งเป็นอาการป่วยรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ภายในอาคารมากกว่านอกอาคาร เกิดอาการผิดปกติทางสุขภาพ หรือเกิดผลกระทบต่อความไม่สบายในการทำงาน เป็นอาการที่ไม่มีลักษณะเฉพาะโรค และมักจะหายใจได้โล่งเมื่อออกจากภายนอกของอาคาร ซึ่งสาเหตุมาจากปัจจัยที่มีแหล่งกำเนิดอยู่ภายในอาคาร และภายนอกอาคาร นอกจากนี้ยังมีสาเหตุร่วม คือ ปัจจัยบุคคล และปัจจัยทางด้านกายภาพอื่น ๆ ภายในอาคาร หากไม่มีการจัดการสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และแก้ไขสาเหตุของปัญหาที่แท้จริง จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้

รูปที่ 2 แสดงแหล่งที่มาของการเกิดมลพิษในอาคาร

จากการศึกษาขององค์การอนามัยโลก (WHO : World Health Organization) เปิดเผยว่า 30% ของอาคารทั่วโลก พบว่ามีปัญหาด้านคุณภาพอากาศ ซึ่งอาจมีปริมาณสารมลพิษสูงกว่าภายนอกอาคารถึง 100 เท่า โดยเฉพาะอาคารที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก เช่น ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม และโรงพยาบาล เป็นต้น ในบางสถานที่ มลพิษดังกล่าวอาจเกิดได้จากหลากหลายแหล่งกำเนิดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นจากวัสดุที่ติดตั้งในอาคาร เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงอากาศภายนอกที่มีการรั่วไหลเข้าสู่ภายในอาคาร หรือเกิดจากกิจกรรมของผู้ใช้อาคารเอง

รูปที่ 3 ภาพแสดงเกณฑ์ของดัชนีคุณภาพอากาศของประเทศไทย
รูปที่ 4 ภาพแสดงภาวะมลพิษอากาศภายในอาคารที่เกิดขึ้นจากกิจกรรม วัสดุและผลิตภัณฑ์ของเครื่องใช้ ภายในอาคารหรือเกิดจากการปลดปล่อยออกมาจากธรรมชาติ

การตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในอาคารจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ผู้ดูแลอาคารทราบข้อมูล และจำเป็นต้องมีการกำหนดแนวทางการวางแผนในการควบคุม แก้ไข และปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีคุณภาพอากาศภายในอาคารที่ดีและเหมาะสมซึ่งสามารถทำให้ผู้ใช้อาคารมีสุขภาพที่ดี และเพื่อความปลอดภัยของผู้ที่อยู่อาศัยภายในอาคารดังกล่าว

ดังนั้น คุณภาพอากาศภายในอาคารที่เหมาะสมต้องมีความสัมพันธ์กับสุขภาพและความสะดวกสบายของผู้ใช้อาคาร จึงควรต้องมีแนวทางการป้องกันปัญหาคุณภาพอากาศภายในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ดังนี้

1. การระบุแหล่งมลพิษอากาศภายในอาคารและการประเมินความรุนแรงของผลกระทบ เป็นวิธีการตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในอาคาร เช่น การระบุแหล่งของมลพิษ การตรวจสอบการทำงานของระบบ HVAC (Heating Ventilation and Air Conditioning คือ ระบบปรับอากาศประสิทธิภาพสูงที่สามารถควบคุมอุณหภูมิความชื้น ความดัน ความสะอาดของอากาศ และการหมุนเวียนของอากาศ) การสังเกตการณ์กระบวนการผลิตและการปฏิบัติงาน รวมถึงการตรวจวัดระดับของสารมลพิษและการตรวจการได้รับสารมลพิษของพนักงาน ทั้งนี้ ผู้รับผิดชอบดูแลอาคาร ควรมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติของอาคาร (การก่อสร้าง การใช้งาน การบำรุงรักษา เป็นต้น) หากเป็นไปได้ ควรเป็นผู้เก็บรักษาแบบพิมพ์เขียวงานระบบและเอกสารการก่อสร้าง รวมทั้งข้อมูลการปรับปรุงอาคารไว้ด้วย

2. วิธีการควบคุมเพื่อลดความเข้มข้นของสารมลพิษในอากาศภายในอาคารโดยทั่วไปมีอยู่ 3 วิธี ดังนี้

2.1 การจัดการแหล่งกำเนิด ได้แก่ การกำจัด การแทนที่ และการปิดแหล่งกำเนิด ซึ่งวิธีการเหล่านี้เป็นวิธีการควบคุมที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

2.2 การควบคุมทางวิศวกรรม

2.2.1 การระบายอากาศเฉพาะที่
2.2.2 การระบายอากาศแบบทั่วไปหรือการระบายอากาศแบบเจือจาง
2.2.3 การฟอกอากาศ

3. การควบคุมด้านการบริหาร

3.1 การจัดตารางเวลาการทำงาน เพื่อช่วยลดการสัมผัสสารมลพิษในอาคาร เช่น

- ขจัดหรือลดเวลาการสัมผัสสารมลพิษของพนักงาน ได้แก่ จัดตารางการบำรุงรักษาหรือทำความสะอาดในเวลาที่ไม่มีผู้ใช้อยู่ในอาคาร

- ลดปริมาณสารเคมีที่ต้องใช้ ได้แก่ จำกัดปริมาณสารเคมีที่ใช้โดยพนักงานระหว่างการบำรุงรักษาหรือทำความสะอาดอาคาร

- ควบคุมตำแหน่งของการใช้สารเคมี ได้แก่ ดำเนินงานการบำรุงรักษาบนอุปกรณ์ที่เคลื่อนที่ได้ หรือจัดวางตำแหน่งของเครื่องมือ เช่น เครื่องพิมพ์ เครื่องถ่ายเอกสาร เป็นต้น ในห้องที่แยกต่างหาก

3.2 การให้ความรู้เกี่ยวกับคุณภาพอากาศภายในอาคารแก่ผู้ใช้อาคารเป็นเรื่องสำคัญ หากผู้ใช้อาคารมีความรู้เกี่ยวกับแหล่งของสารมลพิษและผลกระทบ ภายใต้การควบคุมและการทำงานของระบบระบายอากาศอย่างเหมาะสม ผู้ใช้อาคารจะสามารถป้องกันและดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยง หรือป้องกันการสัมผัสกับสารมลพิษภายในอาคารด้วยตนเองได้

3.3 การดูแลรักษาความสะอาดอาคาร ควรประกอบด้วย การป้องกันสิ่งสกปรกที่มาจากสิ่งแวดล้อม (การใช้ walk-off mat systems) การกำจัดสิ่งสกปรกที่อยู่ในอาคาร กำจัดขยะ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและวิธีการทำความสะอาดที่ลดการนำสารมลพิษเข้าสู่อาคาร

คุณภาพอากาศภายในอาคารสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้อาคารได้ ดังนั้น จึงควรมีการเฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากคุณภาพอากาศภายในอาคาร โดยการตรวจวัดระดับของสารมลพิษในอากาศภายในอาคารอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบ HVAC (Heating Ventilation and Air Conditioning) อย่างเหมาะสม และการกวดขันดูแลเรื่องความสะอาดเพื่อคุณภาพชีวิตและคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีของผู้ใช้อาคาร และในสถานการณ์โรคระบาดโควิดปัจจุบันพบว่า เชื้อสามารถกระจายตัวได้ดีในพื้นที่ปิด ดังนั้นหน่วยงานต่างๆ จึงพยายามหาแนวทางในการจัดการคุณภาพอากาศภายในอาคารภายใต้สภาวะโควิด เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว

รวบรวมข้อมูลโดยนางสาววิชญ์ชยาภรณ์ นามวิสัย

เอกสารอ้างอิง

1.กรมควบคุมมลพิษ. (2564). ข้อมูลดัชนีคุณภาพอากาศ. สืบค้นเมื่อ 19 กรกฎาคม 2564, จาก http://air4thai.pcd.go.th/webV2/aqi_info.php

2. Jurairat N. (2561). ขาดอากาศหายใจ ขาดน้ำ ขาดอาหาร เราจะอยู่ได้นานเท่าไร?. สืบค้นเมื่อ 27 กรกฎาคม 2564, จาก https://www.sanook.com/health/11629/

3. ตรวจวัดคุณภาพอากาศในอาคาร สำคัญไม่แพ้ภายนอก. (2562). สืบค้นเมื่อ 20 กรกฎาคม 2564, จาก https://www.prachachat.net/spinoff/health/news-282723

4. ตุลย์ มณีวัฒนา. (2564). Update-Indoor Air Quality & Control of COVID-19. https://tmn.co.th/data/documents/Update-IAQ-Covid-Control-R1.pdf

5. มณีรัตน์ องค์วรรณดี. (2563). ถอดเกร็ดความรู้จากการสัมมนาวิชาการ “My building is killing me: How to grow fresh indoor air”. วารสารสิ่งแวดล้อม, ปีที่ 24 (ฉบับที่ 1).

6. สำนักงานโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค. (2561). คู่มือการตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในอาคารสำหรับช่องทางเข้าออกประเทศ. สืบค้นเมื่อ 19 กรกฎาคม 2564, จากhttps://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor/4e732ced3463d06de0ca9a15b6153677/files/OL-01_Cover.pdf

7. Arikan, I., Tekin, O. F., & Erbas, O. (2018). Relationship between sick building syndrome and indoor air quality among hospital staff. La Medicina del lavoro, 109(6), 435–443. https://doi.org/10.23749/mdl.v110i6.7628

8. HVAC System คืออะไร. สืบค้นเมื่อ 27 กรกฎาคม 2564, จาก https://www.at-z.co.th/content/14504/hvac-system-คืออะไร

9. INDOOR AIR QUALITY (ปัญหาคุณภาพอากาศภายในอาคาร). สืบค้นเมื่อ 27 กรกฎาคม 2564, จาก https://cleanairxq.com/iaq-indoor-air-quality-คุณภาพอากาศภายในอาค/

10. Joshi S. M. (2008). The sick building syndrome. Indian journal of occupational and environmental medicine, 12(2), 61–64. https://doi.org/10.4103/0019-5278.43262

--

--

KMUTT Library
KMUTT Library

Written by KMUTT Library

KMUTT Library provides information to any person. Our target supports everybody has Life Long Learning ready to 21st century skill.

No responses yet