เพราะ “คุณภาพอากาศภายในอาคาร” เป็นสิ่งสำคัญ
รู้หรือไม่?? หากร่างกายขาดออกซิเจนเพียง 4 นาที จะทำให้เซลล์สมองตาย เกิดความพิการทางสมอง จนทำให้การทำงานของสมองผิดปกติไปตลอดชีวิต และมนุษย์ต้องหายใจเอาอากาศเข้าร่างกายประมาณ 18 กิโลกรัม/วัน ซึ่งเป็นปริมาณที่มากกว่าอาหารและน้ำดื่มที่เราบริโภคในแต่ละวันถึง 15 เท่า จะเห็นได้ว่า “อากาศ” คือสิ่งที่มีค่าที่สุดอย่างหนึ่งในการใช้ชีวิตอยู่ของมนุษย์
ปัจจุบันเราควรให้ความสนใจเรื่องคุณภาพอาคารภายในอาคารมากขึ้น เพราะคุณภาพอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Quality : IAQ) ส่งผลต่อสุขภาพของคนที่อาศัยอยู่ภายในอาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเมืองที่ในแต่ละวันใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ภายในอาคารที่ติดเครื่องปรับอากาศเกือบร้อยละ 90 ของเวลาในแต่ละวัน แต่การออกแบบการก่อสร้างอาคาร และบ้านเรือน ที่มีระบบหมุนเวียนและระบบระบายอากาศ ที่คำนึงถึงสุขลักษณะของผู้ที่อยู่อาศัย กลับไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควร ซึ่งบ่อยครั้งผู้อยู่อาศัย คนทำงาน อาจรู้สึกไม่สบายตัวได้จากอากาศที่ไม่หมุนเวียน และไม่ถ่ายเท จนทำให้ถึงขั้นป่วยเป็น Sick Building Syndrome ซึ่งเป็นอาการป่วยรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ภายในอาคารมากกว่านอกอาคาร เกิดอาการผิดปกติทางสุขภาพ หรือเกิดผลกระทบต่อความไม่สบายในการทำงาน เป็นอาการที่ไม่มีลักษณะเฉพาะโรค และมักจะหายใจได้โล่งเมื่อออกจากภายนอกของอาคาร ซึ่งสาเหตุมาจากปัจจัยที่มีแหล่งกำเนิดอยู่ภายในอาคาร และภายนอกอาคาร นอกจากนี้ยังมีสาเหตุร่วม คือ ปัจจัยบุคคล และปัจจัยทางด้านกายภาพอื่น ๆ ภายในอาคาร หากไม่มีการจัดการสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และแก้ไขสาเหตุของปัญหาที่แท้จริง จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้
จากการศึกษาขององค์การอนามัยโลก (WHO : World Health Organization) เปิดเผยว่า 30% ของอาคารทั่วโลก พบว่ามีปัญหาด้านคุณภาพอากาศ ซึ่งอาจมีปริมาณสารมลพิษสูงกว่าภายนอกอาคารถึง 100 เท่า โดยเฉพาะอาคารที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก เช่น ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม และโรงพยาบาล เป็นต้น ในบางสถานที่ มลพิษดังกล่าวอาจเกิดได้จากหลากหลายแหล่งกำเนิดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นจากวัสดุที่ติดตั้งในอาคาร เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงอากาศภายนอกที่มีการรั่วไหลเข้าสู่ภายในอาคาร หรือเกิดจากกิจกรรมของผู้ใช้อาคารเอง
การตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในอาคารจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ผู้ดูแลอาคารทราบข้อมูล และจำเป็นต้องมีการกำหนดแนวทางการวางแผนในการควบคุม แก้ไข และปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีคุณภาพอากาศภายในอาคารที่ดีและเหมาะสมซึ่งสามารถทำให้ผู้ใช้อาคารมีสุขภาพที่ดี และเพื่อความปลอดภัยของผู้ที่อยู่อาศัยภายในอาคารดังกล่าว
ดังนั้น คุณภาพอากาศภายในอาคารที่เหมาะสมต้องมีความสัมพันธ์กับสุขภาพและความสะดวกสบายของผู้ใช้อาคาร จึงควรต้องมีแนวทางการป้องกันปัญหาคุณภาพอากาศภายในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ดังนี้
1. การระบุแหล่งมลพิษอากาศภายในอาคารและการประเมินความรุนแรงของผลกระทบ เป็นวิธีการตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในอาคาร เช่น การระบุแหล่งของมลพิษ การตรวจสอบการทำงานของระบบ HVAC (Heating Ventilation and Air Conditioning คือ ระบบปรับอากาศประสิทธิภาพสูงที่สามารถควบคุมอุณหภูมิความชื้น ความดัน ความสะอาดของอากาศ และการหมุนเวียนของอากาศ) การสังเกตการณ์กระบวนการผลิตและการปฏิบัติงาน รวมถึงการตรวจวัดระดับของสารมลพิษและการตรวจการได้รับสารมลพิษของพนักงาน ทั้งนี้ ผู้รับผิดชอบดูแลอาคาร ควรมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติของอาคาร (การก่อสร้าง การใช้งาน การบำรุงรักษา เป็นต้น) หากเป็นไปได้ ควรเป็นผู้เก็บรักษาแบบพิมพ์เขียวงานระบบและเอกสารการก่อสร้าง รวมทั้งข้อมูลการปรับปรุงอาคารไว้ด้วย
2. วิธีการควบคุมเพื่อลดความเข้มข้นของสารมลพิษในอากาศภายในอาคารโดยทั่วไปมีอยู่ 3 วิธี ดังนี้
2.1 การจัดการแหล่งกำเนิด ได้แก่ การกำจัด การแทนที่ และการปิดแหล่งกำเนิด ซึ่งวิธีการเหล่านี้เป็นวิธีการควบคุมที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
2.2 การควบคุมทางวิศวกรรม
2.2.1 การระบายอากาศเฉพาะที่
2.2.2 การระบายอากาศแบบทั่วไปหรือการระบายอากาศแบบเจือจาง
2.2.3 การฟอกอากาศ
3. การควบคุมด้านการบริหาร
3.1 การจัดตารางเวลาการทำงาน เพื่อช่วยลดการสัมผัสสารมลพิษในอาคาร เช่น
- ขจัดหรือลดเวลาการสัมผัสสารมลพิษของพนักงาน ได้แก่ จัดตารางการบำรุงรักษาหรือทำความสะอาดในเวลาที่ไม่มีผู้ใช้อยู่ในอาคาร
- ลดปริมาณสารเคมีที่ต้องใช้ ได้แก่ จำกัดปริมาณสารเคมีที่ใช้โดยพนักงานระหว่างการบำรุงรักษาหรือทำความสะอาดอาคาร
- ควบคุมตำแหน่งของการใช้สารเคมี ได้แก่ ดำเนินงานการบำรุงรักษาบนอุปกรณ์ที่เคลื่อนที่ได้ หรือจัดวางตำแหน่งของเครื่องมือ เช่น เครื่องพิมพ์ เครื่องถ่ายเอกสาร เป็นต้น ในห้องที่แยกต่างหาก
3.2 การให้ความรู้เกี่ยวกับคุณภาพอากาศภายในอาคารแก่ผู้ใช้อาคารเป็นเรื่องสำคัญ หากผู้ใช้อาคารมีความรู้เกี่ยวกับแหล่งของสารมลพิษและผลกระทบ ภายใต้การควบคุมและการทำงานของระบบระบายอากาศอย่างเหมาะสม ผู้ใช้อาคารจะสามารถป้องกันและดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยง หรือป้องกันการสัมผัสกับสารมลพิษภายในอาคารด้วยตนเองได้
3.3 การดูแลรักษาความสะอาดอาคาร ควรประกอบด้วย การป้องกันสิ่งสกปรกที่มาจากสิ่งแวดล้อม (การใช้ walk-off mat systems) การกำจัดสิ่งสกปรกที่อยู่ในอาคาร กำจัดขยะ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและวิธีการทำความสะอาดที่ลดการนำสารมลพิษเข้าสู่อาคาร
คุณภาพอากาศภายในอาคารสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้อาคารได้ ดังนั้น จึงควรมีการเฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากคุณภาพอากาศภายในอาคาร โดยการตรวจวัดระดับของสารมลพิษในอากาศภายในอาคารอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบ HVAC (Heating Ventilation and Air Conditioning) อย่างเหมาะสม และการกวดขันดูแลเรื่องความสะอาดเพื่อคุณภาพชีวิตและคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีของผู้ใช้อาคาร และในสถานการณ์โรคระบาดโควิดปัจจุบันพบว่า เชื้อสามารถกระจายตัวได้ดีในพื้นที่ปิด ดังนั้นหน่วยงานต่างๆ จึงพยายามหาแนวทางในการจัดการคุณภาพอากาศภายในอาคารภายใต้สภาวะโควิด เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
รวบรวมข้อมูลโดยนางสาววิชญ์ชยาภรณ์ นามวิสัย
เอกสารอ้างอิง
1.กรมควบคุมมลพิษ. (2564). ข้อมูลดัชนีคุณภาพอากาศ. สืบค้นเมื่อ 19 กรกฎาคม 2564, จาก http://air4thai.pcd.go.th/webV2/aqi_info.php
2. Jurairat N. (2561). ขาดอากาศหายใจ ขาดน้ำ ขาดอาหาร เราจะอยู่ได้นานเท่าไร?. สืบค้นเมื่อ 27 กรกฎาคม 2564, จาก https://www.sanook.com/health/11629/
3. ตรวจวัดคุณภาพอากาศในอาคาร สำคัญไม่แพ้ภายนอก. (2562). สืบค้นเมื่อ 20 กรกฎาคม 2564, จาก https://www.prachachat.net/spinoff/health/news-282723
4. ตุลย์ มณีวัฒนา. (2564). Update-Indoor Air Quality & Control of COVID-19. https://tmn.co.th/data/documents/Update-IAQ-Covid-Control-R1.pdf
5. มณีรัตน์ องค์วรรณดี. (2563). ถอดเกร็ดความรู้จากการสัมมนาวิชาการ “My building is killing me: How to grow fresh indoor air”. วารสารสิ่งแวดล้อม, ปีที่ 24 (ฉบับที่ 1).
6. สำนักงานโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค. (2561). คู่มือการตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในอาคารสำหรับช่องทางเข้าออกประเทศ. สืบค้นเมื่อ 19 กรกฎาคม 2564, จากhttps://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor/4e732ced3463d06de0ca9a15b6153677/files/OL-01_Cover.pdf
7. Arikan, I., Tekin, O. F., & Erbas, O. (2018). Relationship between sick building syndrome and indoor air quality among hospital staff. La Medicina del lavoro, 109(6), 435–443. https://doi.org/10.23749/mdl.v110i6.7628
8. HVAC System คืออะไร. สืบค้นเมื่อ 27 กรกฎาคม 2564, จาก https://www.at-z.co.th/content/14504/hvac-system-คืออะไร
9. INDOOR AIR QUALITY (ปัญหาคุณภาพอากาศภายในอาคาร). สืบค้นเมื่อ 27 กรกฎาคม 2564, จาก https://cleanairxq.com/iaq-indoor-air-quality-คุณภาพอากาศภายในอาค/
10. Joshi S. M. (2008). The sick building syndrome. Indian journal of occupational and environmental medicine, 12(2), 61–64. https://doi.org/10.4103/0019-5278.43262