ประเด็นที่น่าตั้งคำถามของวัคซีน Covid-19
คุณตัดสินใจได้หรือยังกับการฉีดวัคซีน? ลองเริ่มต้นจากการตั้งคำถามให้กับตัวเองก่อนก็ได้..
การฉีดวัคซีนเป็นกระบวนการที่นำเชื้อแบคทีเรียก่อโรคเข้าร่างกาย [1]เพื่อกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกันต่อโรค จุดเริ่มต้นก่อนพัฒนาเป็นวัคซีนอย่างทุกวันนี้ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 ชาวจีนสร้างภูมิคุ้มกันโรคคล้ายกับการฉีดวัคซีน โดยให้คนที่มีสุขภาพดีรับเนื้อเยื่อหรือสะเก็ดแผลที่ได้จากผู้ป่วยเข้าร่างกายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ใน ค.ศ. 1796 นายแพทย์เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ชาวอังกฤษ จึงทดลองเชื้อฝีดาษ (โรคไข้ทรพิษ) จากแผลฝีดาษวัว วัคซีนดังกล่าวได้รับการรับรองจากรัฐสภาอังกฤษในอีก 4 ปีต่อมา และมีการใช้วัคซีนดังกล่าวในการป้องกันโรคไข้ทรพิษไปทุกภูมิภาคของโลก กระทั่งในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1980 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่า โรค ไข้ทรพิษ หรือฝีดาษได้หมดไปจากโลก
หากพิจารณาจากไทม์ไลน์ของโรคไข้ฝีดาษหรือไข้ทรพิษแล้ว นับว่าเป็นเวลาเกือบสามศตวรรษที่โรคร้ายแรงโรคหนึ่งที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ค่อยๆ ถูกให้จางหายไปจากโลกเรากรณีที่มีการผลิตวัคซีน Covid-19 ออกมาให้ได้ใช้ มีประเด็นที่น่าตั้งคำถาม คือ
ทำไมกระบวนการผลิตวัคซีนถึงรวดเร็วนัก เราควรต้องรู้อะไรอีกบ้างเกี่ยวกับวัคซีน Covid-19
ทำไมต้องฉีดวัคซีน Covid-19” [2] เป็นประเด็นสะท้อนให้เห็นถึงการตระหนักต่อความจำเป็นของภาพรวมในการยับยั้งโรคอุบัติใหม่ สาเหตุของการฉีดวัคซีน/ความจำเป็น มีดังนี้
- การฉีดวัคซีนทำเพื่อป้องกันโรค ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ Covid-19 ได้ 70% จากข้อมูลวันที่ 18 เมษายน 2564 พบว่า ประเทศอิสราเอลที่ประชากรได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้ว 57%[3] และอาจจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่แล้วถึง 68% ซึ่งแสดงว่า สามารถยับยั้งการระบาดได้ และมีการประกาศผ่อนคลายมาตรการเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ภายนอกอาคาร พื้นที่เปิดโล่งไม่ต้องสวมใส่หน้ากาก
- หากร่างกายติดเชื้อเป็นโรค Covid-19 หวังว่า วัคซีนจะสามารถลดความร้ายแรงของอาการลงได้[4]
- หากร่างกายได้รับความรุนแรงจากโรค Covid-19 หวังว่าวัคซีนจะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตลงได้
“วัคซีนมีกี่ชนิด” มีการกล่าวถึงชนิดวัคซีนหลายรูปแบบ ซึ่งสำหรับวัคซีน Covid-19 มีการแบ่งไว้หลายชนิดโดยรวมสรุป 4 ชนิด[5] ได้แก่
- mRNA vaccine : คำว่า mRNA ย่อมาจาก messenger RNA เป็นอาร์เอ็นเอ ที่ได้จากการถอดรหัสของยีน โดยตัวมันเองอยู่นอกนิวเคลียสเซลล์ ทำให้วัคซีนไม่ได้มีผลกับ DNA และมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้สูง ในอดีตยังไม่มีวัคซีนที่ผลิตด้วยกระบวนการนี้ใช้ในมนุษย์มาก่อน วัคซีนชนิดนี้ค่อนข้างสลายได้ง่าย อุณหภูมิที่ใช้เก็บรักษาต้องคงที่อุณหภูมิ -70 ถึง -20 องศาเซลเซียสเพื่อการรักษาสภาพและต้องถูกหุ้มด้วย Nanolipid (การพัฒนาอนุภาคและระบบนำส่งในโรงงานระดับมาตรฐาน) ตัวอย่างของวัคซีนนี้ เช่น ไฟเซอร์ (Pfizer) ไบโอเอ็นเทค (BioNTech) และโมเดอร์นน่า (Moderna)
- Recombinant protien vaccines : วัคซีนที่ผลิตจากการตัดต่อโปรตีน เป็นการเลียนแบบโปรตีนที่ผลิตออกมาจากสารพันธุกรรมไวรัส ขณะนี้กำลังพัฒนาหลายแบบ ได้แก่ กลุ่มที่เน้นจุดของโปรตีนหนามเป็นหลัก (Recombinant spike-protein vaccine) ดังตัวอย่าง Hexapro[6]ของทีมวิจัยจาก University of Texas at Austin ในสหรัฐอเมริกา หรือใช้อนุพันธ์โครงสร้างที่เหมือนไวรัส (Virus-like particle vaccine : VLP vaccine)
- Viral vector-based vaccines : เป็นการใช้ไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคอื่นเป็นพาหะ โดยการนำสารพันธุกรรมเฉพาะส่วนมาฝากไว้ในร่างกายกับไวรัสอื่น GMO ไวรัสมีทั้งแบบที่ทำหมันไวรัส เช่น วัคซีนของบริษัท AstraZeneca-Oxford และ GMO ไวรัสแบบไม่ทำหมัน เช่น วัคซีนของบริษัท Johnson & Johnson ที่ฉีดครั้งเดียวก็เพียงพอ
- Inactivated vaccines : วัคซีนชนิดเชื้อตาย เป็นการพัฒนาวัคซีนแบบวิธีดั้งเดิม ใช้การเพาะเชื้อจำนวนมากมาทำลายฤทธิ์ให้ตาย ให้ภูมิคุ้มกันทำลายทั้งโปรตีนหนาม (Spike protein) และส่วนอื่น ๆ ของไวรัส เช่น วัคซีนของ SinoVac บริษัท Sinopharm
“การพัฒนาวัคซีนมีกี่ระยะ” ในภาพรวมของกระบวนการทดสอบวัคซีนมี 3 ระยะการทดลอง ประกอบด้วย [7]
การทดลองระยะที่ 1 — การสร้างเพื่อทดสอบความปลอดภัย วัดความสามารถในการสร้างภูมิคุ้มกันกับขนาดของตัวยา
การทดลองระยะที่ 2 — การขยายเรื่องความปลอดภัย ประเมินการตอบสนองของระบบภูมิกันโดยมีผู้ทดสอบเพิ่มจำนวนมากขึ้น
การทดลองระยะที่ 3 — การตรวจสอบประสิทธิภาพการป้องกัน มีร้อยละของการลดอุบัติการณ์ของโรคใหม่ ยืนยันความสามารถสร้างภูมิคุ้มกันในคนทุกกลุ่ม
จากนั้นจะมีการทดสอบหาผลข้างเคียง ซึ่งมีหน่วยงานควบคุมการใช้วัคซีน ตรวจสอบผลการทดลองและความปลอดภัยเ พื่อการตัดสินใจใช้ภายในประเทศ
“ผลข้างเคียงของวัคซีน Covid-19 เป็นอย่างไร” เป็นประเด็นร้อนที่ทุกคนกำลังสนใจ
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ปรากฏผลข้างเคียงจากวัคซีนชนิด mRNA อย่าง Pfizer-BioNTech และ Moderna ในโดสที่ 2 มีแนวโน้มรุนแรงกว่าโดสแรก[8] ผู้รับวัคซีนมีอาการ เช่น ปวดศีรษะ เมื่อยล้า อ่อนเพลีย ในระยะ 1–7 วันหลังฉีด รวมถึงวัคซีนแบบ Viral Vector อย่าง AstraZeneca-Oxford ด้วย จากนั้นข้อมูลในวันที่ 19 เมษายน 2564 [9] พบผลข้างเคียงของวัคซีนจากบริษัท Johnson & Johnson ว่า วัคซีนก่อให้เกิดอาการลิ่มเลือดอุดตัน (Vaccine-induced Immune Thrombotic Thrombocytopenia (VITT) หลังการฉีด 4–30 วัน เฉลี่ยที่ 1 คน ต่อ 1 แสนคน และทุกกรณีพบในเพศหญิงที่อายุต่ำกว่า 50 ปี สามารถรักษาได้ทันการ จึงไม่เกิดปัญหาใด นอกจากนั้นในกรณีของประเทศไทย ข้อมูลเมื่อวันที่ 21 -22 เมษายน 2564 ภายหลังจากการฉีดวัคซีน SinoVac ภายใน 5–15 นาที กรณีจังหวัดลำปาง [10] พบบุคลากรทางการแพทย์ เพศหญิงวัย 46 ปี มีอาการอ่อนแรงแขนขา พูดไม่ชัด แพทย์จึงได้ฉีด RtPa ตามแนวทางรักษาของอาการโรคหลอดเลือดในสมองตีบ (Stroke Fast Track) หลังจากนั้นใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมงจึงมีอาการดีขึ้น กรณีจังหวัดระยอง [11] พบเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เพศหญิง 6 คน อายุระหว่าง 21–54 ปี มีอาการปวดตึงต้นแขน ปวดศีรษะบริเวณท้ายทอย ใจสั่น แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด สมองสั่งการช้า ซึ่งมี 1 รายที่มีโรคประจำตัวและอีก 1 รายที่น้ำหนักเกิน โดยเป็นอาการชั่วคราวและกลับมาเป็นปกติดังเดิมเช่นดังกรณีที่พบในจังหวัดลำปาง จึงเป็นที่น่าตั้งข้อสังเกตว่า กรณีข้างเคียงมักพบในเพศหญิง ซึ่งมีอายุน้อยกว่า 55 ปี
“ก่อนฉีดวัคซีนควรเตรียมตัวอย่างไร” จากผลข้างเคียงจึงมีข้อแนะนำสำหรับเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีน [12]
1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
2. ดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ จากปกติวันละ 6–8 แก้ว ให้ดื่มน้ำเพิ่มในวันที่ฉีดอย่างน้อย 500–1,000 ซีซี
3. หลีกเลี่ยงยาหรือสิ่งที่ทำให้หลอดเลือดหดตัว หรืออาจปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดวัคซีน เช่น ยารักษาไมเกรน ยารักษาโรคซึมเศร้างบางตัว ชา/กาแฟ เป็นต้น
“ทำไมผลิตวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว” ด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์หากเทียบการคิดค้นวัคซีนและการยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษที่ใช้เวลาเกือบสามศตวรรษ กับโรคอุบัติใหม่ Covid-19 ที่ใช้เวลา 2–3 ปี นับว่าผลิตวัคซีนได้เร็วกว่าเกือบ 100 เท่า
จากบทความปริทัศน์ เรื่อง การแข่งขันของวัคซีน Covid-19 : ความท้าทายและโอกาสในการใช้วัคซีนใหม่ ของ Jieliang Wang และคนอื่นๆ[13] เปิดเผยว่า
- เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยในการหาลำดับจีโนมการระบุเชื้อโรคในระยะแรก และฐานข้อมูลออนไลน์ แพลตฟอร์มที่เผยแพร่ได้ก่อนการตีพิมพ์ล่วงหน้าช่วยให้นักวิจัยสามารถแบ่งปันข้อมูลและแสดงความคิดเห็นได้โดยไม่ต้องใช้เวลาเผยแพร่
- การทดลองด้วย Silico tools [14] การสร้างต้นแบบการทดลองใหม่ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สามารถจำลองการทดลองล่วงหน้าก่อนการลงมือทำปฏิบัติการจริง ช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาในการพัฒนาวัคซีนได้มาก
- การใช้เทคนิคการจำลองพลวัตเชิงโมเลกุล[15] (Molecular Dynamic simulation) ซึ่งนิยมนำมาใช้ศึกษาสมบัติของโปรตีนที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาในระดับอะตอม โดยอาศัยการวิเคราะห์โครงสร้างและมองเห็นโปรตีนเคลื่อนไหว เพื่อศึกษาการม้วนพับของโปรตีนที่มักจะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคได้
วิวัฒนาการทางการแพทย์ ทั้งการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การจำลองโปรแกรมทางคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีทางการขนส่ง ทำให้คิดค้นวิจัยวัคซีน Covid-19 อย่างเปิดกว้าง และนำมาทดลองการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลา กระบวนการผลิตวัคซีนที่สามารถผลิตได้ครั้งละจำนวนมาก การขนส่งมีประสิทธิภาพจึงรักษาคุณภาพของวัคซีนได้สูง ทำให้วัคซีน Covid-19 กระจายไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดให้ได้ไวที่สุด หลังจากนี้ผลของการฉีดวัคซีนเป็นสิ่งที่น่าติดตามต่อไป ด้วยโลกเรานี้มีผู้คนที่มีเชื้อชาติ และพันธุกรรมแตกต่างกัน จึงเกิดกรณีศึกษาแตกต่างกันได้หลายกรณี แต่หากเรามีสารสนเทศที่เข้าถึงง่ายและเทคโนโลยีการส่งต่อข้อมูลที่รวดเร็ว การวิเคราะห์ความคล้ายคลึงของกรณีศึกษา เพื่อตัดสินใจเลือกวัคซีนเข้ามาในประเทศและเป็นการสร้างหลักประกันทางสุขภาพที่ดีให้กับคนในประเทศนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยาก
รวบรวมข้อมูลโดยนางสาวอารยา ศรีบัวบาน
เอกสารอ้างอิง
AMERICAN SOCIETY OF HEMATOLOGY. (2021). Thrombosis with Thrombocytopenia Syndrome (alsotermed Vaccine-induced Thrombotic Thrombocytopenia). Retrieved by April 20, 2021. URL:https://www.hematology.org/covid-19/vaccine-induced-immune-thrombotic-thrombocytopenia
Kathryn M Edwards,..[et al.], COVID-19: Vaccines to prevent SARS-CoV-2 infection. Retrieved by April 19, 2021. https://www.uptodate.com/contents/covid-19-vaccines-to-prevent-sars-cov-2-infection.
Kim, J.H., Marks, F. & Clemens, J.D. Looking beyond COVID-19 vaccine phase 3 trials. Nat Med 27, 205–211 (2021). https://doi.org/10.1038/s41591-021-01230-y.
Wang, J., Peng, Y., Xu, H., Cui, Z., & Williams, R. O., 3rd (2020). The COVID-19 Vaccine Race: Challenges and Opportunities in Vaccine Formulation. AAPS PharmSciTech, 21(6), 225. URL: https://doi.org/10.1208/s12249-020-01744-7
BBCNewsไทย. (2562). สุขภาพ : ประวัติศาสตร์ฉบับย่อของการฉีดวัคซีน. สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2564, URL: https://www.bbc.com/thai/features-48676003.
BBCNewsไทย. (2564). โควิด-19: ผลสอบสวน สธ. ชี้ 6 จนท. รพ.ระยอง เกิดอาการคล้ายโรคหลอดเลือดทางสมอง หลังรับวัคซีนซิโนแวค. สืบค้นเมื่อ 22 เมษายน 2564, URL: https://www.bbc.com/thai/thailand-56827938
THE STANDARD TEAM. (2564). ถอดบทเรียนการรับมือโควิด-19 จากอิสราเอล ประเทศแรกของโลกที่เตรียมก้าวสู่‘ภูมิคุ้มกันหมู่’. สืบค้นเมื่อ 20 เมษายนน 2564, URL:https://thestandard.co/dealing-with-covid-19-israel-herd-immunity/
จิตระยุทธ์ จิตอ่อนน้อม. (2557). การประยุกต์ใช้เทคนิคการจำลองพลวัตเชิงโมเลกุลทางด้านวิทยาศาสตร์โปรตีน.วารสารนเรศวรพะเยา 7, 1 (ม.ค.-เม.ย. 2557) หน้า 4–16. URL:https://li01.tci-thaijo.org/index.php/journalup/article/view/42801/35416
ชมภูนุช วิรุณานนท์ และวรวุฒิ จุฬาลักษณานุกูล. (2553). ชีวสารสนเทศ : การประยุกต์ใช้ในงานวิจัยวิทยาศาสตร์ชีวภาพ. Burapha Sci J. 15, 2 (2010) p. 99–106. URL:http://www.bbru.sc.chula.ac.th/biofuel3_htm_files/2553-2-11.pdf
ณรงค์กร มโนจันทร์เพ็ญ. (2564). ผลข้างเคียงวัคซีนต้านโควิด-19 มีอะไรบ้าง รุนแรงแค่ไหน?. สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2564, URL: https://thestandard.co/side-effects-of-the-covid-19-vaccine/
ไทยโพสต์. (2564). ม.มหิดล คิดค้น”วัคซีนกรดไรโบนิวคลีอิกโควิด-19" และ “วัคซีนซับยูนิตโควิด-19 แบบเฮกซะโปร”เล็งต่อยอดวิจัยวัคซีนป้องกันมะเร็ง — โรคอุบัติใหม่, สืบค้นเมื่อ 29 มีนาคม 2564, URL: https://www.thaipost.net/main/detail/97133
ไทยรัฐออนไลน์. 2564. รพ.ลำปางระงับฉีดซิโนแวค หลัง จนท.การแพทย์เกิดผลข้างเคียงเกือบ 40 ราย. สืบค้นเมื่อ 23 เมษายน 2564, URL: https://www.thairath.co.th/news/local/north/2074673
ไทยรัฐออนไลน์. 2564. วิธีเตรียมตัวฉีดวัคซีนโควิด-19 ลดความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียง. สืบค้นเมื่อ 7 พฤษภาคม 2564, URL: https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2083441.
นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย. (2564). Dr.V Channel. สืบค้นเมื่อ 19 เมษายน 2564, URL: https://www.youtube.com/c/DrVChannel28/playlists.
สำนักข่าว Hfocus เจาะลึกระบบสุขภาพ. (2557). โรคระบาดร้ายแรงในอดีต ตอนที่ 3 โรคไข้ทรพิษ (ฝีดาษ). สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2564, URL: https://www.hfocus.org/content/2014/08/7977